พันธ์ยศ ร่วมเดินหน้าคลองกระ ชูเป็น เมกกะมรดก สู่ลูกหลาน
Khaset108@gmail.com
www.khaset108.com
เข้าระบบ
สมัครสมาชิก
ลงประกาศฟรี
ติดต่อเรา
Toggle navigation
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
Search posts
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบสมาชิก
×
เข้าสู่ระบบ
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เกษตร สมุนไพร ข่าวเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงปลา ประมง ปศุสัตว์ การเกษตร เกษตรร้อยแปดดอทคอม
เว็บบอร์ดเกษตร การเกษตร ข่าวสาร สมุนไพร ตลาดซื้อขายสินค้าฟรี 24 ชั่วโมง
ตลาดซื้อขายสินค้า โปรโมทลงโฆษณาฟรี
โปรโมท โฆษณาประชาสัมพันธ์
พันธ์ยศ ร่วมเดินหน้าคลองกระ ชูเป็น เมกกะมรดก สู่ลูกหลาน
ข่าวใหม่ล่าสุด
เทสโก้ โลตัส หนุนพื้นที่ฟรี เปิดศูนย์ฝึกอาชีพแก่ประชาชน เสริมแรงง...
การเกษตร
ข่าวสาร บทความ ภูมิปัญญาเกษตรและอื่นๆ
พันธ์ยศ ร่วมเดินหน้าคลองกระ ชูเป็น เมกกะมรดก สู่ลูกหลาน
0 ตอบ
444 อ่าน
«
minamiami
»เมื่อ:
27 ธันวาคม 2564, 01:41:57 pm »
"พันธ์ยศ" ร่วมเดินหน้าคลองกระ
ชูเป็น"เมกกะมรดก"สู่ลูกหลาน
=========================
นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคภราดรภาพ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและสังคม (สคส.) กล่าวว่า เมื่อช่วงที่ผ่านมาตนได้ร่วมประชุมกับพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ถวิลหวัง ประธานคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการแห่งชาติ ศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระฯ ที่ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี 16 ตุลาคม 2544 (อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการ แห่งชาติศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและสังคม) โดยที่ผ่านมาการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากและมีผลการดำเนินงานโดยสังเขปเป็นที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งผลงานของคณะกรรมการแห่งชาติฯชุดดังกล่าว แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตอบคำถามกระทู้ที่002ร.ของสมาชิกวุฒิสภาที่สอบถามผ่านราชกิจจานุเบกษาวันที่11ก.พ.2564ว่า คณะกรรมการแห่งชาติฯ ชุดดังกล่าวได้บรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อคณะกรรมการที่ยกเลิกของกระทรวงคมนาคมไปแล้ว
" แม้ว่าคณะกรรมการแห่งชาติฯชุดดังกล่าว ได้สิ้นสุดสถานภาพลงแล้วเมื่อช่วงเดือนพ.ค.2548 ก็ตาม แต่คณะกรรมการดังกล่าวเป็นคณะกรรมการที่ถูกแต่งตั้งจากมติคณะรัฐมนตรีในยุคนั้น มิใช่กำเนิดขึ้นมาจากกระทรวงคมนาคมเพียงกระทรวงเดียว แสดงว่าผลการศึกษาจึงเป็นเรื่องที่มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ต่อมาปี 2557 พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ได้ตั้งคณะทำงานความร่วมมือยุทธศาสตร์การค้าไทยจีนของรัฐบาลไทยกับนายหวี่ ปิน ประธานกรรมการบริษัท จงจิ้นริชเวย์โฮลดิ้งประเทศไทย จำกัด และจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลของประเทศไทยบริเวณคลองกระ รองรับการเปิดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นเส้นทางการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแนวทางการพัฒนาของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนที่แสดงต่อที่ประชุมเอเปค
ในตอนนั้นประธานาธิบดีจีนได้ประชุมทวิภาคีกับพล.อ.ประยุทธ์ ยกวาระการพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่21โดยตอนนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบรับในความคิดริเริ่มและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลดังกล่าว และเป็นที่มาของการจัดตั้งศูนย์วิจิยและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลของประเทศไทยบริเวณคลองกระห(คลองคอดกระหรือคลองไทย) ที่รัฐบาลไทยในอดีตมีมติอนุมัติให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย)ปี 2544 เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติและจึงเสนอให้ฟื้นการแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติขึ้นมาศึกษาวิจับความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) เป็นโครงการพัฒนาที่เป็นเมกกะโปรเจคของประเทศอีกชิ้นหนึ่งที่จะสร้างเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจและอื่นๆของประเทศไทยในอนาคต "
นายพันธ์ยศกล่าวว่า นอกจากนี้สคส.ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมกับสมาคมมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งมีพล.อ.ต.ณัฏฐอรรจน์เป็นนายกสมาคม โดยสคส.และสมาคมมิตรภาพฯได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อใช้ในการป้องกันโควิด -19 ให้กับสปป.ลาว โดยมี ฯพณฯ แสง สุขะทิวง เอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ประจำประเทศไทยให้การต้อนรับและรับมอบอุปกรณ์ข้างต้น และในครั้งนั้นได้หารือกับเอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ประจำประเทศไทยเกี่ยวกับการค้า การลงทุน การคมนาคมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสองประเทศในวันข้างหน้า โดยมีเรื่องการขุดคลองกระร่วมด้วย ซึ่งในตอนนั้นเอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ประจำประเทศไทยแสดงความสนใจในเรื่องนี้ด้วย
"เส้นทางสายไหมทางทะเลคลองกระ(คลองไทย) จะเกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยและจีน รวมถึงประเทศอื่นๆที่อยู่ในภูมิภาค หากการดำเนินการเสร็จสิ้น จะมีเรือสินค้าขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ใช้เป็นเส้นทางผ่านจากไทยไปยังประเทศฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 2,000 ลำ สามารถร่นระยะเวลาการเดินทางเส้นทางทะเล 3 เส้นทางเดิมได้ 7 วัน จากเส้นทางสายไหมที่ใช้ในปัจจุบัน (1.เส้นทางสายตะวันออกจากเซียะเหมินไปทางมหาสมุทรแฟซิฟิกถึงทวีปอเมริกา 2.เส้นทางสายใต้จากเซียะเหมินผ่านเกาะไหหลำ แหลมยวนเข้าอ่าวไทยและแหลมมลายู 3.เส้นทางสายตะวันตกจากเซียะเหมินลงมาทะเลจีนใต้ ผ่านช่องแคบมะละกาถึงแหลมกู๊ดโฮปของทวีปแอฟริกา )
จากการสำรวจข้อมูลโลจิสติกการค้าจีนไทย พบว่า มีผู้ประกอบการธุรกิจสนใจตอบรับเข้าร่วมใช้เส้นทางสายไหมทางทะเลเส้นใหม่ของประเทศไทยแล้วสูงถึงร้อยละ60 ถือได้ว่าเส้นทางคลองกระ(คลองไทย) จะเป็นเส้นทางที่เปลี่ยนโลกและเปลี่ยนประเทศไทยในอนาคตไปอย่างสิ้นเชิง"
นายพันธ์ยศกล่าวว่า ตนหารือกับพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์และฝ่ายที่เกี่ยวพบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกตอนนี้เปลี่ยนไปมากจากภาวะโควิด-19 ดังนั้นไทยต้องปรับตัวให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ แม้ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จะบอกว่าต้องใช้เวลาศึกษารอบด้านในเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2563 และดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว รอเพียงบรรจุวาระให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา ตรงนี้ก็ชัดเจนระดับหนึ่งว่าสภาผู้แทนราษฎรสนใจเรื่องนี้เพราะไทยได้ประโยชน์
"แนวคิดข้างต้นของกมธ.วิสามัญฯตรงกับตนและพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ตนหวังว่าโครงการคลองกระนั้นน่าจะนำมาหารือกันใหม่โดยขอเชิญทุกภาคส่วนร่วมกันเป็นเจ้าภาพศึกษาเรื่องนี้คู่ขนานกับรายงานของกมธ.วิสามัญฯชุดข้างต้น จากนั้นจัดทำประชามติให้ทุกอย่างโปร่งใสว่าควรหรือไม่ควรขุดคลองกระหรือไม่ เพราะประเทศ-ประชาชนจะได้ประโยชน์หลายด้านเกี่ยวกับโครงการนี้ในวันข้างหน้าอย่างสูงสุด"
นายพันธ์ยศกล่าวว่า ดังนั้นสคส. ได้จัดทำโครงการ "คลองกระ..เส้นทางเปลี่ยนโลก" เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา และถ่ายทอดแนวความคิดโครงการนี้ไปสู่รุ่นต่อๆไปในอนาคต ในปัจจุบันโครงการนี้ได้ดำเนินกิจกรรมมาแล้วหลายกิจกรรม และในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ตนและสคส.นำอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19แจกจ่ายให้หน่วยงานราชการและหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ห่างไกลด้วย เช่น มูลนิธิกู้ภัยหลวงพ่อวัดในกุฏิ-ที่ว่าการอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ /มูลนิธิร่วมกตัญญู /โรงพยาบาลดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ และพื้นที่อื่นๆเพื่อให้คนไทยผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
สนใจ สั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์โทร.
0954454794
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »