แสดงกระทู้ - admin

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - admin

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
61
ประเภทข่าวสาร:


ผู้ใหญ่บ้านหญิงที่พิมาย โคราช นอนฝันว่ากุญแจ จยย.คันที่ใช้อยู่หัก สั่งลูกชายให้หาซื้อเลขทะเบียนรถ 994 คนจะรวยช่วยไม่ได้ ไปเจอเอาเลข 100994 พอดี ได้มา 1ใบ ถูกรางวัลที่ 1 รับ 6 ล้าน
เวลา 19.30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านกระเบื้องน้อย หมู่ 2 ต.กระเบื้องใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ผู้ใหญ่บ้านคือ นางราตรี กาดนอก อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 12 หมู่ 2 บ้านกระเบื้องน้อย ต.กระเบื้องใหญ่ อ.พิมาย ถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 ธ.ค. 63 หมายเลข 100994 งวดที่ 46 ชุดที่ 32 จำนวน 1 ใบ รับเงิน 6 ล้านบาท



จากการสอบถามผู้ใหญ่ราตรี เล่าว่า ปกติตนจะซื้อลอตเตอรี่เสี่ยงโชคเป็นประจำทุกงวด งวดละ 5-10 ใบ ที่ผ่านมาก็ถูกรางวัลเลขท้ายทั้ง 2 ตัวและ 3 ตัว อยู่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้ลูกชายคือนายกิตติ กาดนอก อายุ 34 ปี ก็เคยถูกรางวัลที่ 3

"ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากๆ ที่ถูกรางวัลที่ 1 ซึ่งเลขดังกล่าวเป็นทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์คือ จจจ 994 นครราชสีมา ที่ลูกชายนำมาให้ใช้ คืนหนึ่งได้ฝันว่า ขับมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวแล้วกุญแจหักคาอยู่ที่รถ จึงสั่งให้ลูกชายหาซื้อลอตเตอรี่เลข 994 ให้ ลูกชายจึงสั่งซื้อกับเพื่อนได้เลข 100994 มา 1 ใบ สำหรับเงินที่ได้ จะนำไปใช้หนี้และทำบุญ ที่เหลือก็จะเก็บไว้ให้ลูก"

ที่มา : ข่าวไทยรัฐ

62
ประเภทข่าวสาร:


สาววัย 39 ปี หนีพิษโควิด-19 จากภูเก็ต กลับมาเลียแผลใจที่บ้านเกิดจังหวัดบุรีรัมย์ นาน 6 เดือน นอนหลับฝันเห็นคุณตาที่เสียไปแล้วอายุ 94 ซื้อลอตเตอรี่ได้ 1 ใบทั้งๆที่ไม่ชอบเลขนี้ ดันถูกรางวัลที่ 1 รับ 6 ล้าน

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีชาวบ้าน ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่บ้านหนองไผ่ ต.หนองใหญ่ อ.สตึก พบมีเพื่อนบ้านมาแสดงความยินดีกับนางบุษบากร เสมารัมย์ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่172 ม.5 บ้านหนองไผ่ ต.หนองใหญ่ อ.สตึก เป็นจำนวนมาก โดยนายบุษบากร ได้นำลอตเตอรี่หมายเลข 100994 จำนวน 1 ใบ มูลค่า 6 ล้านบาท มาโชว์ต่อหน้าผู้สื่อข่าว


นางบุษบากร เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนทำงานที่จังหวัดภูเก็ต หลังจากเกิดโรคโควิด-19 ระบาด ไม่มีงานทำ จึงเดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ ยอมรับว่าไม่มีเงินใช้ หารับจ้างไปวันๆ เมื่อวันก่อนตนไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าในตัว อ.สตึก เห็นคนขายลอตเตอรี่เดินมาขาย จึงขอซื้อเลยท้าย 94 ทั้งๆที่ไม่ชอบเลขนี้ แต่จำเป็นต้องเลือก เพราะฝันเห็นตาที่เสียไปแล้ว อายุได้ 94 ที่ผ่านมายอมรับว่าเห็นคนถูกลอตเตอรี่ที่จังหวัดอื่น ได้แต่เอาความโชคดีของคนอื่นไปแชร์เฟชบุ๊ก ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงตัวเอง ก่อนหน้านี้ได้เตรียมจะกลับไปทำงานที่จังหวัดภูเก็ต แต่ตอนนี้ยกเลิกความคิดแล้ว จะมาตั้งหลักที่บ้านเกิดดีกว่า แต่จะไปเยี่ยมเพื่อนที่ภูเก็ต เพราะคิดถึง

ที่มา :ข่าวไทยรัฐ

63
ประเภทเกษตร:
การเกษตร


สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการทำเกษตร หลายท่านคงรู้จักมะพร้าวเป็นอย่างดี แต่การปลูกพระพร้าวนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะปลูกได้ เพราะบางครั้ง ต้องมีเทคนิคในการปลูกอยู่บ้าง เพื่อที่จะทำให้ ออกผลดก และโตเร็วนั่นเอง โดยวันนี้ผมก็จะพาไปปลูก ด้วยวิธีการของ อาจารย์ ธงชนะ พรหมมิ มาฝาก ซึ่งท่านเป็นที่รู้จักดีในวงการเกษตร  จะง่ายหรือยากแค่ไหน ไปดูพร้อมกันเลยครับ

วัสดุที่ต้องเตรียม

1 ต้องหามะพร้าวก่อน อาจจะเพาะเองหรือ การซื้อมาก็ได้ แต่หากเพาะเอง ให้นำมะพร้าวที่ต้องการจะปลูก ใส่ในถุง ขนาด 9×18 นิ้ว ทำการเพาะไปต่อจนถึง 4 เดือนหรือ3เดือน เพื่อให้ต้นพร้อมปลูกนั่นเอง
2. สำหรับท่านที่ซื้อมา ต้องให้ดู ร าก ก่อนนะครับว่าพร้อมสำหรับการปลูกไหม

ขั้นตอน การปลูกในถุงดำ

1. นำมะพร้าวลงในถุงที่เตรียมมา  โดยการวางมะพร้าวให้เอียงเล็กน้อย  จากนั้นใส่ดินลงในถุง โดยดินที่ใส่ ควรควรอยู่ประมาณ ครึ่งถุง เพราะถ้าใส่เต็มถุงจะทำให้โตช้า หรืออาจจะไม่โตก็ได้
2. การขุดหลุมที่ใช้ในการปลูก ควรมีขนาด กว้าง 50 ยาว 50 และ ลึก50 เซ็นติเมตร


วิธีการปลูก

1 .แกะถุงดำ ในส่วนล่างออกออกโดย การแกะนั้นให้ใช้มือดึงออก เพราะการใช้มีด อาจจะทำให้ไปโดย ร า ก ซึ่งอาจะทำให้ ไม่เป็นผลดีต่อการปลูก
2.ในการปลูก ใหังเกตุยอด โดยการปลูก ให้นำปลายอด ชี้ไปทางทิศตะวันออก
3.การใส่ปุ่ย โดยการโรยรอบๆ เเล้วใช้จอบผสมดินที่จะทำการกลบ  เพื่อเป็นการผสมดินกับปุย ก่อนที่จะกลบ แต่ยังไม่เอาถุงออก
4.ควรรดน้ำในทุกเย็น ปล่อยไว้ 1-2 วัน จึงกลับมานำถุงออก โดยการนำออกต้องไม่กะทบกับ ร า ก
5. หลังจากนั้นให้โรยปุย ครั้งที่2 แล้วใช้ดินถม
6. นำฟางมาคลุมหน้าดิน รดน้ำเล็กน้อย

64
ประเภทเกษตร:
การเกษตร


เทคนิควิธีเพาะเห็ดโคน ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน เพาะกินได้เองตลอดปี

เห็ดโคน เป็นเห็ดชนิดหนึ่ง สามารถเจริญเติบโตได้ดี ในสภาพของธรรมชาติ ที่มีความชุ่มชื้น และมีอุณหภูมิที่พอเหมาะ เห็ดจะมีรูปร่างเหมือนเห็ดทั่วไป คือจะมีก้านเห็ด และมีหมวกเห็ดโคน มีดอกใหญ่ และที่สำคัญ มีกลิ่นเฉพาะตัว

เมื่อพื้นที่นั้นๆมีความชื้น และอุณหภูมิที่พอเหมาะสม จะเกิดเป็นดอกเห็ดที่มีคุณภาพ และดูน่ากิน โดยปกติแล้วเห็ดโคน จะมีราคาที่สูงมาก เนื่องจากเป็นเห็นที่หาได้ยาก นอกจากนี้ ยังออกผลผลิตให้ทานเพียงหนึ่งครั้ง ในแต่ละปี จึงทำให้มีชาวไร่ชาวเกษตรกร จำนวนหนึ่งคิดหาวิธี การเพาะเห็ดโคน

วงจรชีวิตของเห็ดโคน ต้องพึ่งพาปลวกเข้ามาช่วย จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า ปลวกงานจะนำเอาสปอ ซึ่งเป็นหน่วยขยาพัน ที่มีขนาดเล็กมาก ทำหน้าที่เช่นเดียวกับเมล็ดพืชอื่นๆ ไปปลูกในรัง ให้เป็นอาหารของปลวก วัยอ่อน ส่วนสปอ ที่หลงเหลือ เมื่อได้รับความชื้นในฤดูฝน ก็จะเติบโตโผล่พ้นผิวดินขึ้น มาปรากฏให้เห็น

วิธีเพาะหรือปลูกเห็ดโคน ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน

1.เริ่มจากนำจาวปลวก ที่อยู่ภายในจอมปลวก
2.มีขนาดใกล้เคียง กับกะลามะพร้าว แบ่งครึ่ง
จอมปลวกหนึ่งรัง จะมีจาวปลวกหลายอัน มีลักษณะเบา โปร่ง มีรอยทางเดิน ซอกแซก ทะลุถึงกันได้ จาวปลวกน่าจะเป็นสวนปลูกเห็ดอ่อน เพราะมีเส้นใยขาวเต็มไปหมด สามารถพัฒนาเป็นดอกเห็ดต่อไป
3.บทให้จอมปลวก เป็นฝุ่นโปรยลง บนข้าวเหนียวนึ่งสุก ทิ้งให้เย็น
4.เติมน้ำเล็กน้อยแล้วคลุกให้เข้ากัน
5.นำไปหมัก ในถังพลาสติก ปิดปากถังด้วยผ้าขาวบาง



บางท่านอาจฉีกหมวกเห็ดโคน ผสมลงไปด้วยก็ได้ เก็บในร่ม ปล่อยให้เส้นใยเจริญเติบโตเอง เพิ่มปริมาณจนมองเห็นสีขาวชัดเจน ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ จึงนำไปหว่าน ในสวนในร่มรำไร อย่าให้แสงแดดจ้า ในช่วงแล้งควรสับฟางข้าว เพิ่มเป็นอาหารชั้นดีของเห็ด

นิยมนำมาประกอบอาหารที่หลากหลาย โดยรสชาติของเห็ดมีรสชาติที่ดีน่ารับประทาน จึงจัดเป็นเห็ดหายาก ที่ต้องหาตามป่าตามเขา ที่ห่างไกลจากความเจริญ

65
ประเภทเกษตร:
การเกษตร


ผักพายน้อย เป็นพืชน้ำประเภทผักมีขนาดเล็กชอบอยู่ในพื้นที่มีน้ำท่วมขังหรือมีความชื้นสูง รับประทานได้ทั้งก้านและใบ มีรสชาติหวานมันและออกขมเล็กน้อย นิยมรับประทานเป็นเครื่องเคียงผักสด กับส้มตำ ลาบก้อย หรือลวกจิ้มน้ำพริกก็ได้ ถือเป็นผักที่มีความต้องการบริโภคของคนทั่วไป

ผักพายเป็นพืชที่ใช้เวลาปลูกไม่นาน 45-60 วัน เจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝน ส่วนในฤดูอื่นๆ ไม่ค่อยมีผู้นิยมปลูกเนื่องจากไม่มีน้ำ แดดจัด ปลูกยาก ทำให้ผักผายน้อยขาดตลาด  วิธีการปลูกผักพายน้อย นอกฤดู เพื่อให้มีผลผลิตออกขายได้ราคาสูงกว่าช่วงปกติ

เทคนิคการปลูกผักพายนอกฤดู  จะปลูกช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน โดยการเตรียมแปลงปลูกที่สามารถกักเก็บน้ำได้ ด้วยการปั้นคันดินให้สูงล้อมรอบแปลงผัก และใช้ตาข่ายพรางแซงประมาณ60 % เพื่อควบคุมแสง เนื่องจากผักพายน้อยเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่มีแสงรำไร จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์หว่านให้ทั่วแปลง เมื่อผักพายอายุประมาณ 30-40 วัน
จะเริ่มแตกใบจริง เนื่องจากผักพายเป็นพืชที่ออกดอกในช่วงเวลากลางคืน  จึงควบคุมการออกดอกของผักพายน้อย ด้วยการเปิดไฟในแปลงช่วงกลางคืน เพื่อยับยั้งไม่ให้ผักพายออกดอก เพราะถ้าผักพายออกดอกจะทำให้ขายไม่ได้ ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด การเปิดไฟในช่วงกลางคืนจะช่วย จะช่วยยับยั้งการออกดอกของผักพายได้ดี และส่งผลให้ก้านและใบเจริญเติบโตได้ดี

การปลูกผักพายน้อยนอกฤดู สามารถเพิ่มมูลค่าให้ผักพายน้อยได้ถึงกิโลกรัมละ 50-70 บาท แตกต่างจากการปลูกภายในฤดู จะขายได้เพียงกิโลกรัมละ 40-50 บาท ซึ่งสามารถเพิ่มรายได้ให้กับกับกลุ่มของตนได้เป็นอย่างดี

66
ประเภทเกษตร:
การเกษตร


กระตุ้นให้พืชแตกยอด ออกดอกเยอะๆ โดยไม่ใช้สารเคมี
ถ้าพูดถึงผลผลิตทางการเกษตร หลายๆท่านคงมีวิธีเร่งให้พืชผลออก โดยการใช้สารเคมีฉีดเร่ง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดีต่อ ทั้งคนกิน ทั้งคนฉีด แน่นอน เลยมีวิธีวิธีกระตุ้นให้พืชแตกยอด ออกดอก แบบไม่ต้องพึ่งสารเคมีมาฝากกัน โดยการทำฮอร์โมน จิ๊บเบอเรลริค แอซิด แบบง่ายๆ

ฮอร์โมน จิ๊บเบอเรลริค แอซิด การค้นพบจิ๊บเบอเรลริค แอซิดครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสมัยก่อนสงครามโลก มีการพบสารนี้อีกในต้นพืช จึงจัดว่าเป็นสารฮอร์โมนพืชอย่างหนึ่ง สารจิ๊บเบอเรลริค แอซิดนี้ เท่าที่มีการค้นพบมาตั้งแต่เริ่มแรกมาจนถึง ปัจจุบัน มี 65 ชนิด สารจิ๊บเบอเรลริค แอซิดนี้ก็มีอยู่ในพืชด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณยอดอ่อน ก้านหรือช่อดอกของไม้ เกือบทุกชนิด แต่ก้านช่อดอกไม้ที่ยาวใหญ่และหาง่าย มีฮอร์โมนของจิ๊บเบอเรลริค แอซิดอยู่มากที่สุดคือหัวปลีกล้วย


วิธีทำฮอร์โมนจิบ เบอเรลลิน

1.ปลีกล้วยที่เพิ่งแทงปลี ยังไม่ติดผล เพิ่งแทงออกมาใหม่ๆ จำนวน 1 หัว

2.แอลกอฮอล์ จำนวน 500 cc

3.น้ำตาล ทรายแดง 1 กิโลกัม

4. ถังหมักพร้อมฝาปิด จำนวน 1 ใบ

วิธีการทำ

1.นำปลีกล้วย มาสับให้ละเอียด คลุกเคล้าให้เข้ากับแอลกอฮอล์ และน้ำตาล

2.ทิ้งไว้ 1 ถึง 2 สัปดาห์ คั้นเอาก ากออก หลังจากนั้นปิดฝาเก็บไว้ใช้ได้นานเป็นเดือนๆครับ นำไปฉีดพ่นใน ถั่ว ผักบุ้ง ผักหวาน แตงกวา ชะอม และองุ่น เพื่อยืดช่อ ยืดดอก ยืดก้าน ในอัตรา 10 ถึง 20 ซี.ซี ต่อน้ำ 20 ลิตรผสมน้ำมะพร้าวอ่อน 1 ลูกรับรองว่า ได้ผลดีไม่แพ้เคมีสังเคราะห์ ที่ขายในท้องตลาดแน่นอนครับ

3.ในน้ำมะพร้าวอ่อน มีไซโตไคนิน พบครั้งแรกในน้ำมะพร้าว โดยสารนี้มีความสามารถกระตุ้น การแบ่งเซล ล์ และสามารถใช้ชะลอหรือยืด อายุของส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ดอก และผลให้สดอยู่ได้นาน ตลอดจนมีการนำมาใช้ในสูตรอาหารเพื่อเพาะเลี้ยง พืชอย่างแพร่หลาย


เทคนิคกระตุ้นให้พืชแตกยอด ให้ต้นผักหวานป่า

แตกกิ่งแตกยอดเป็นจำนวนมากๆนั้น วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก โดยเริ่มทำการตัดแต่งกิ่ง ต้นผักหวานป่า เลือกต้นที่สมบูรณ์แข็งแรงก่อน เมื่อได้แล้วให้เราทำการหักปลายกิ่งแขนง ทิ้งให้เหลือยาว 15-20 เซนติเมตร รูดใบแก่บางส่วนทิ้งให้เหลือติดกิ่ง 3-4 ใบ ต่อ จากนั้นก็ให้ฮอร์โมนจิบเบอเรลลินผักหวานป่าทันที และให้ดินบริเวณรอบๆชื้นพอสมควร ทำอย่างนี้ติดต่อกัน ไม่กี่วันยอดผักหวานป่า ก็จะแตกยอดออกมา และเมื่อยอดยาวประมาณ 15-25 เซนติเมตร ก็เก็บยอดเพื่อส่งขายต่อไป

67
ประเภทเกษตร:
ประมง


การเลี้ยงกบในปัจจุบัน ลูกกบที่นำมาเลี้ยงได้มาจาก 2 แหล่ง คือ

1. ลูกกบจากธรรมชาติ

ภายหลังจากลูกอ๊อดเจริญกลายเป็นกบแล้ว จะดำเนินการ อนุบาลจนกระทั่งเติบโตได้ขนาดจึงปล่อยลงบ่อเลี้ยง ลูกกบที่ปล่อยลงบ่อเลี้ยงนี้นิยมลูกกบ ที่มีขนาด 3-5 เชนติเมตรขึ้นไป หรือถ้ารวบรวมจากธรรมชาติก็ต้องมีขนาดที่ทราบแน่นอนแล้ว ว่าเป็นลูกกบ

2. ลูกกบจากโรงเพาะฟัก

เป็นวิธีการเลี้ยงที่ดีที่สุด เพราะจะได้ผลผลิตมากและแน่นอน นอกจากนี้ต้นทุนยังต่ำ สามารถลดปัญหาการบอบช้ำจากการลำเลียงลูกกบจากธรรมชาติได้อีกด้วย วิธีนี้ลูกกบจะได้มา โดยการนำเอาพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่มีลักษณะดีมาผสมกันในบ่อผสมพันธุ์ แล้วนำไข่ที่ได้มาฟักใน บ่อเพาะฟกเพื่อให้ได้ลูกกบ แล้วจึงนำไปอนุบาลต่อในภายหลัง

การฟักไข่

1.ทำความสะอาดบ่อฟักไข่ โดยใช้ฟอร์มาลีน 38-40 เปอร์เซ็นต์ ในอัตรา 30 ชีชี ต่อน้ำ 1000 ลิตร ราดให้ทั่วบ่อ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วใช้น้ำสะอาดล้างทำ ความสะอาดให้หมดกลิ่น

2.เติมน้ำสะอาดให้ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร

3.ใส่พันธุ์โม้นำ เช่น ผักบุ้ง สาหร่าย และไม้น้ำชนิดอื้น ๆ ในบ่อฟักไข่ให้กระจาย สม่ำเสมอพอประมาณ

4.รวบรวมไข่กบทีได้ปล่อยลงในบ่อ บ่อขนาด 18-25 ตารางเมตร จะจุไข่กบได้ ประมาณ 5,000 – 7,000 ฟอง

5.เพิ่มออกซิเจนด้วยเครื่องอัดอากาศตลอดเวลา

6.ถ่ายน้ำทุก ๆ วัน ๆ ละครึ่งหนึ่งของบ่อ



การเลี้ยงกบเพื่อส่งตลาด

กบที่คัดมาจากบ่ออนุบาลระยะสองนั้น จะนำมาเลี้ยงในบ่อระยะสุดท้ายเพื่อส่งตลาด มีหลักปฎิบัติดังนี้คือ

1. ก่อนการปล่อยกบลงสู่บ่อเลี้ยง

ให้ทำความสะอาดบ่อเลี้ยงให้เรียบร้อย ใส่น้ำสะอาดลงในบ่อเลี้ยงให้สูง 30 เชนติเมตร

2. การปล่อยกบลงเลี้ยง

ควรปล่อยกบที่มีขนาดเท่ากันคือประมาณ 1.5-2.0 นิ้ว เลี้ยงในอัตรา 100 ตัวต่อตารางเมตร ในการปล่อยกบนั้นควรวางภาชนะไว้บนชานบ่อสักพักหนึ่งแล้ว เปิดภาชนะ เอียงให้กบออกจากภาชนะที่ใส่ลงสู่บ่อเลี้ยงเอง

3. การให้อาหาร

ควรให้อาหารกบเป็นเวลาคือ เช้าและเย็น อาหารที่ให้เป็นพวกปลาสับ เครื่องในสัตว์หรืออาหารเม็ดของปลาดุกให้ 2 มื้อ คือเช้า เย็น ปริมาณอาหารที่ให้ประมาณ 3 เปอร์เช็นต์ของน้ำหนักตัว

4. การตรวจขนาด

ควรมีการตรวจขนาดกบอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยวัดความยาวของลำตัวและ ชั่งน้ำหนักเพื่อตรวจดูการเจริญเติบโตของกบ และเพื่อปรับปริมาณอาหารที่ให้ หากการเจริญ เติบโตของกบไม่ดีพอ ควรพิจารณาถึงปริมาณและคุณค่าของอาหารที่ให้ว่าเหมาะสมหรือไม่

5. การตรวจสภาพบ่อ

บ่อเลี้ยงกบอาจมีการรั่วซึมหรือมีรอยรั่วควรมีการซ่อมแซมแก้ไข

6. การถ่ายเทน้ำ

น้ำที่สะอาดและมีการไหลผ่านตลอดเวลาจะทำให้กบกินอาหารได้ดี เจริญเติบโต ได้รวดเร็วแต่ก็สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเช่นกัน แต่อย่างน้อยควรมีการถ่ายเปลี่ยนน้ำวันละครั้ง

7. การคัดขนาด

คัดเลือกกบที่มีขนาดโตเท่า ๆ กัน เลี้ยงรวมไว้ด้วยกัน จะช่วยให้การเจริญเติบโต ดีขึ้น และการกัดกินกันเองลดลง

68
ประเภทเกษตร:
ปศุสัตว์


ปลาสลิด เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีลำตัวที่หนาและยาวกว่า หัวโต ครีบหลังในตัวผู้มีส่วนปลายยื่นยาวเช่นเดียวกับครีบก้น ครีบอกใหญ่ ตาโต ปากเล็กอยู่สุดปลายจะงอยปาก ครีบหางเว้าตื้นปลายมน ตัวมีสีเขียวมะกอกหรือสีน้ำตาลคล้ำ มีแถบยาวตามลำตัวตั้งแต่ข้างแก้มจนถึงกลางลำตัวสีดำ และมีแถบเฉียงสีคล้ำตลอดแนวลำตัวด้านข้างและหัว ครีบมีสีคล้ำ ปลาสลิด ชอบกินคือ ตะไคร่น้ำ รำละเอียด หรือปลายข้าวต้ม ปนกับผักบุ้งที่หั่นแล้ว แหนสด และปลวก

อาหารของลูกปลาวัยอ่อน ซึ่งมีอายุ 7-12 วัน ให้ตะไคร่น้ำและไรน้ำเป็นอาหาร เมื่อลูกปลามีอายุ 21 วัน-1 เดือน ให้รำข้าวละเอียดต้มปนกับผักบุ้งที่หั่นละเอียด แหนสด และปลวกบ้าง (ผัก 1ส่วน รำ 2ส่วน) ทั้งนี้ต้มผักให้เปื่อยเสียก่อน แล้วจึงเอารำลงไปเคล้าปั้นเป็นก้อนให้กินเพียงวันละ 2 ครั้ง

ในเวลาเช้าระหว่าง 7.00-8.00 น. และเย็น ประมาณ 3-5% โดยใสอาหารบนแป้นซึ่งอยู่ใต้ระดับน้ำ 1 คืบ อย่าให้อาหารเหลือข้ามวันจะทำให้น้ำเน่าเสียได้ ควรดีดน้ำให้เป็นสัญญาณ ปลาจะได้เคยชินและเชื่องด้วย

การเพิ่มอาหารธรรมชาติ โดยการใส่ปุ๋ย ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยขี้วัว ปุ๋ยขี้ไก่ ฯลฯ ต้องใส่ปุ๋ยก่อนปล่อยปลาอย่างน้อย 3 วัน ในอัตรา 2 ปีบต่อไร่ต่อ 7 วัน โดยตัดหญ้าบนแปลงในระดับยอดหญ้าที่โผล่พ้นน้ำ แล้วทิ้งกระจายไว้บนแปลงนา ตัดเพียงครึ่งหนึ่งของแปลง ครบ 15 วัน ตัดอีกครึ่งหนึ่ง

สลับไปมาและรักษาระดับน้ำให้ท่วมหญ้าบนนาประมาณครึ่งเข่าตลอดเวลา หลังจากใส่ปุ๋ยคอก 4-5 ครั้ง แล้วตัดหญ้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่ถ้าน้ำในแปลงมีสีใสมาก ให้ใส่ปุ๋ยคอกต่อ

ปลาขนาด 5 เซนติเมตร ใช้เวลาเพียง 7-8 เดือน ถ้าปลาขนาด 10 เซนติเมตร ใช้เวลาเลี้ยง 5-6 เดือน ส่วนการเลี้ยงลูกปลาจากพ่อแม่ปลาจะใช้เวลา 10-11 เดือน จับขายได้

สูตรอาหารพ่อแม่ปลาสลิด

1.ปลาป่น 56 กิโลกรัม   2.รำละเอียด 12 กิโลกรัม   3.กากถั่ว 12 กิโลกรัม   4.แป้งผงหรือปลายข้าวต้ม 14 กิโลกรัม   5.น้ำมันปลาสลิด 4 กิโลกรัม  6.วิตามิน แร่ธาตุ 2 กิโลกรัม   7.รวม 100 กิโลกรัม

69
ประเภทข่าวสาร:


เศรษฐีส่งท้ายปี รวมหวย วันที่ 1 ธันวาคม 2563 วันออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่สำนักงานสลากๆ สนามบินน้ำ วันแห่งความหวังอีกครั้ง งวดนี้บรรยากาศคึกคักกับเลขเด็ดหวยดังจำนวนมาก จนนักเสี่ยงโชคลุ้นกันหนัก เลขมงคลล่าสุด งวดนี้ ชาวบ้านแห่ซื้อเลข 99 04 11 50 ส่วน 28 89 26 25 75 76 86 87 64 95 ขายดีมากๆ

สิ้นเกจิ 6 แผ่นดินอีสานใต้ หลวงปู่ทอง ปภากโร มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 115 ปี เมื่อเวลา 10.14 น. วันที่ 30 พ.ย.63

เลขพญาเต่างอย แผงหวยเลขเด็ด เลข 5 มาแรง เลขดังพญาเต่างอย 25-35-45-55-75
เลขอ่างน้ำมนต์ฤาษีเณร 0,4, 5,7,8,9 ตัวเลขลอยจับกลุ่ม 05-87-46
หวยคำชะโนด บริษัทดังแก้บนทุกปี ส่องขันน้ำมนต์ 92,95
เลขตะเคียนแม่พิมพา 388-59
เลขเจ้าโทน แมวแม่ตะเคียน นั่งหน้ารถทะเบียน 3ฒค 6737









เลขนายกกั้ง กระบะคว่ำดอยอินทนนท์ดับ 5 ชีวิต เลขรถ 3307 พลิกคว่ำทางโค้งหลักกม. 32-32
รถพุ่งขึ้นบ้าน นายกอายุ62 ภรรยาอายุ59


รถตู้ส่งศพ5คัน รถพังทุกคันจนกลายเป็นเรื่องประหลาดใจ คนที่ส่งมาช่วยรดน้ำมนต์ไม่เป็นอะไรเลย

-รถที่พังคันแรก 14-1999
-รถที่ส่งร่างนายกฯกั้ง คันที่สองมาแทน โช้คหลังแตกกลางทาง 2136
-รถคันที่สาม ยางบวม 7801
-รถคันที่สี่ 8530
-รถคันที่ห้า ท่ออินเตอร์แตก 8334 และมาเกิดอุบัติเหตุที่เชียงใหม่ ล่าสุดหลังจากซ่อมเสร็จ รถคันที่มาเปลี่ยนทะเบียน 6375



เลขเสี่ยเต้ย เกี่ยวกับการเสียชีวิต ทั้งวันที่ตาย อายุ บ้านเลขที่ เลขโลงศพ 41 19 11 624 50 เลขมะเขือในงานศพ 26 62 36 63 25 52 35 53
หวยคนดัง เลขฮาย อาภาพร รถเหยียบงูใหญ่ แห่ส่องเลขทะเบียน 7579
เลขมนต์สิทธิ์ กราบเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโสธร 017 594 เผยชอบเลข 650,851

ที่มา : ข่าวสด

70
ประเภทข่าวสาร:


คอหวยไม่รอเก้อ! วิญญาณเฮี้ยน สิงร่างทรงหน้าศาลดัง บอกเลขเด็ดเน้นๆ
วันที่ 30 พ.ย. ซึ่งตรงกับวันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างทรงต่างมักจะไม่ลงทรงในวันพระใหญ่ แต่ที่ศาลนางตะเคียนแม่จุฬา และแม่พิมพา สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลตำบลกบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เนืองแน่นไปด้วยคอหวย

หลังจากทราบข่าวว่าจะมีร่างสื่อวิญญาณเฮี้ยน ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังมาแล้ว ที่หญิงสาวคนดังกล่าวถูกวิญญาณผีตายโหงเข้าสิงห์ ที่รถยนต์กระบะลงล่องกลางถนนชนต้นไม้ 2 ผัวเมียตายทั้งคู่ ขณะที่ทำพิธีงานศพ ขณะนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวยังบอกเลขให้ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตถูกหวยมาแล้วหลายงวด

โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา หญิงสาวคนดังกล่าวมาปรากฏตัวอีกครั้ง มาสื่อแม่นางนางตะเคียนแห่งนี้อีกครั้งท่ามกลางคอหวยทราบข่าวมารอดู และหาเลขเด็ดงวดนี้ เพื่อนำไปเสี่ยงโชควันนี้ อย่างไม่ผิดหวัง เมื่อหญิงสาวคนดังกล่าวมาถึงที่ศาลตะเคียนแม่จุฬา และแม่พิมพา เมื่อร่างทรงลงจากรถยนต์ โดยทางศาลตะเคียนแห่งนี้รอต้อนรับ พร้อมเครื่องไหว้ต่างๆอย่างครบคัน


จากนั้นร่างทรงก็มีอาการเหมือนผีเข้า สั่นไปทั้งตัว เมื่อทราบว่า "ย่าละมุด" ที่เป็นอาจารย์มาเข้าก่อน จากนั้นตามด้วย แม่นางตะเคียน "พิมพา" เข้าร่าง พร้อมบอกว่า ชื่อนางตะเคียนที่ตรงนี้ไม่ถูกตั้งเอง ชื่อจริง คือ "แม่จุฬา และ แม่พิมพา" ไม่ใช่แม่ย่าแต่อย่างใด เพราะเขายังสาวอยู่

จากนั้นแม่นางตะเคียน "แม่พิมพา" ได้บอกเลขงวดนี้ คือเลข 388 และ 59 คอหวยที่รอคอยต่างนำสมุด ดินสอ มาจด เพราะครั้งนี้ไม่เขียนให้ ส่วนคอหวยเชื่อว่าร่างหญิงสาวคนดังกล่าวมีจิตวิญญาณที่จะสื่อวิญญาณผีตายโหงได้ รวมทั้งแม่นางตะเคียนครั้งนี้

นางปทุม เอมจิต หนึ่งในคอหวยที่มาขอโชคลาภ กล่าวว่า หญิงสาวที่มาสื่อแม่ตะเคียนคืนนี้ ก่อนหน้านั้นเคยสื่อกับวิญญาณของญาติของตน ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนต้นไม้ตายทั้งผัวและเมีย ที่ ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังมาแล้ว ขณะที่ทำพิธีวิญญาณก็มาสิงห์ร่างหญิงสาวคนนี้ วิญญาณยังบอกเลขถูกทั้งหมู่บ้านอีกด้วย

ที่มา : ข่าวสด

71
ประเภทข่าวสาร:
ทุกทิศทั่วไทย


กรีดยางกลางดึก! ช้างป่า กระทืบหนุ่มสาหัส เมียร้องขอชีวิตช้าง ก่อนหนีไป
วันที่ 30 พ.ย. หน่วยกู้ภัยได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการจังหวัดบึงกาฬ (1669) ให้ออกรับผู้บาดเจ็บถูกช้างป่าทำร้ายขณะเข้าไปกรีดยางพารา ที่ทางขึ้นวัดถ้ำโขง บ้านถ้ำพระ หมู่ที่ 9 ต.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ จึงประสานไปยัง นายทวีป คำแพงเมือง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าป่าภูวัวและผู้ใหญ่บ้าน ให้นำพาเข้าไปรับตัวผู้บาดเจ็บ

ที่เกิดเหตุเป็นสวนยางพารา ห่างจากหมู่บ้าน 200 เมตร พบชายนอนร้องครวญครางอยู่ในสวนยาง ทราบชื่อคือ นายสุพัฒน์ กลอนสลับ อายุ 33 ปี และ นางไพรมณี ชัยรัตน์ อายุ 37 ปี ภรรยา มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย แน่นหน้าอกและเจ็บหลัง นอนรอรับการช่วยเหลืออยู่ อาสากู้ภัยฯ ทำการประเมินอาการและปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บส่ง รพ.บึงโขงหลง ทันที

นางไพรมณี เล่าว่า สามีโดนช้างเหยียบบาดเจ็บสาหัส ปกติแล้วช้างป่าลงมาเป็นประจำ เดินตามถนนบ้าง หรือมาในป่าก็จะส่งสัญญาณก่อน แต่ตัวที่ทำร้ายสามีมาแบบเงียบ ๆ ไม่มีเสียงและมาเพียงตัวเดียว เดินปรี่เข้ามาหาแสงไฟโคมที่อยู่บนหัวของสามี


เมื่อมาใกล้ ช้างยกขาหน้าทั้งสองกระทืบลงพื้นดินอย่างแรง พร้อมกับส่งเสียงร้องแปร๋นแปร๋น สามีหันมาร้องบอกตนที่กรีดยางอยู่คนละแถวว่าช้างมาแล้ว พอหันไปดูเห็นช้างอยู่ห่างจากสามีไม่ถึง 2 เมตร สามีก็รีบวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่เสียหลักล้มลง จึงถูกช้างใช้เท้ากระทืบ

ตนตั้งสติได้รีบคว้าถ้วยยางขึ้นมาใช้มีดกรีดยางเคาะให้เกิดเสียงดัง พร้อมกับร้องขอชีวิตให้สามีว่าแค่นี้ก็บาดเจ็บหนักแล้ว ออกจากบ้านมาหากิน ไม่ได้มารบกวนหรือทำร้าย ครู่เดียวช้างก็เดินเข้าป่าไปเหมือนจะรับรู้สิ่งที่เราพูดออกไป ทำให้สามีรอดตายได้หวุดหวิด ก่อนที่จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่

ที่มา : ข่าวสด

72
ประเภทข่าวสาร:
ข่าวอุบัติเหตุต่างๆ


เก๋งหักหลบรถตู้เสียหลักชนกระบะ กระเด็นตกคูน้ำข้างถนน หนุ่มเบญจเพสดับสลดพร้อมเพื่อน คนขับกระบะอาการสาหัส ต้องงัดร่างออกจากซากรถ



เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 1 ธ.ค.63 ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถยนต์ชนกับรถกระบะบนถนนเพชรเกษม (ขาเข้ากรุงเทพ) บริเวณหน้าปั๊มเชลล์ ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าสีดำ ทะเบียน ชช7957 กรุงเทพมหานคร เสียหลักตกลงไปอยู่ริมถนนในคลอง สภาพรถด้านหน้ารถพังเสียหาย ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตโดยร่างกระเด็นออกมานอกตัวรถ จำนวน 2 ราย คือ นายณรงค์ชัย อนุกูล อายุ 25 ปี ชาวอ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี และนายธนพงษ์ แนบชิด ไม่ทราบอายุ และภูมิลำเนา

ห่างออกไปพบรถกระบะ ทะเบียน ผก4437 ราชบุรี จอดอยู่บนถนนในสภาพถูกชนเสียหาย ผู้ขับขี่ติดอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เร่งให้การช่วยเหลือกว่า 20 นาที จึงสามารถนำตัวออกมาได้ โดยได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายเร่งส่งรักษาไปยังโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี เป็นการเร่งด่วน

จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า รถยนต์ของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ขับมาทางเลนขวาด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุหักหลบรถตู้ ส่งผลให้รถยนต์เสียหลักไปชนกับรถกระบะและกระเด็นตกลงไปริมถนนดังกล่าว

ที่มา : ข่าวสด

73
ประเภทข่าวสาร:
เตือนภัย


อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวมีลมแรง ยอดดอย-ภู หนาวถึงหนาวจัด ขอประชาชนบริเวณ "ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง" ดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่วน "ภาคใต้" ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เตือนระวังอันตราย อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก "อ่าวไทย" คลื่นลมแรง ขอชาวเรือระมัดระวัง-เรือเล็กงดออกจากฝั่ง

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.63 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรง ยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วยสำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง จะเคลื่อนเข้าปกคลุมชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 4 ธ.ค.63

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในระยะนี้ประเทศไทยตอนบนลมเริ่มแรงขึ้น ดังนั้นการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันจะน้อยลง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 น.วันนี้ ถึง 06:00 น.วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 13-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส ยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง โดยมีฝนตกเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก เมฆบางส่วน กับมีฝนตกเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูลอุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน กับมีลมแรง โดยมีฝนตกเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ที่มา : ข่าวไทยรัฐ

74
ประเภทข่าวสาร:
เศรษฐกิจ


“ไทยแลนด์ เทคโชว์ 2563 (THAILAND TECH SHOW 2020)” ภายใต้แนวคิด “วิถีชีวิตใหม่ นวัตกรรม เพื่อการลงทุน” นี่คือ การเปิดฉากการนำ 290 กว่าผลงานวิจัยยุคนิวนอร์มอล มานำเสนอเพื่อให้เกิดการต่อยอดสู่การสร้างนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าในเชิงพาณิชย์ ผ่านการเจรจาธุรกิจแบบ “REAL-TIME” กับผู้พัฒนานวัตกรรมจากทั่วโลกของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในวันที่ 2-4 ธ.ค.2563 ในรูปแบบออนไลน์ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน


ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล

“งานไทยแลนด์ เทคโชว์ เป็นโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุนที่สนใจนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเสริมความเข้มแข็งของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่รูปแบบใหม่ เรียกว่า Bio-Circular-Green Economic Model (BCG Model)ที่จะช่วยต่อยอดจุดแข็งของประเทศให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผ่านการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน พลังงานสะอาดและการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบมานำเสนอในรูปแบบตลาดเทคโนโลยีที่นักวิจัยผู้คิดค้นนวัตกรรมจะมานำเสนอผลงานต่อนักลงทุน นักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม สตาร์ตอัพ ตลอดจนผู้สนใจ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและโจทย์ความต้องการที่เหมาะสมกับธุรกิจ” ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผอ.สวทช.ผู้รับผิดชอบงานไทยแลนด์ เทคโชว์ 2563กล่าว ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ขอนำเสนอ 5 ผลงานวิจัยเด่นๆยุคนิวนอร์มอลจาก สวทช.ที่จะนำเสนอในงานไทยแลนด์ เทคโชว์ ประกอบด้วย



“ชุดตรวจโควิด-19 ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีในขั้นตอนเดียว (COXY-AMP)” ซึ่งเป็นเทคนิคตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสด้วยเทคนิคแลมป์ร่วมกับการอ่านผลด้วยสี ซึ่งง่ายสะดวก มีขั้นตอนการทดสอบเพียงขั้นตอนเดียว ใช้เครื่องมือราคาไม่แพง ทราบผลได้อย่างรวดเร็ว สามารถอ่านผลได้ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการอ่านผล ซึ่งตอบโจทย์ในการนำมาใช้ตรวจคัดกรองโรคได้เพื่อช่วยควบคุมการแพร่กระจายของโควิด-19



“เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสำหรับการแพทย์ฉุกเฉิน (PETE เปลปกป้อง)” สำหรับการใช้งานด้านการแพทย์ฉุกเฉินมีประสิทธิภาพการป้องกันการแพร่เชื้อสูงถึง99.995%

“เครื่องบำบัดและฆ่าเชื้อในอากาศภายในอาคาร (Innovative Air Cleaner)” ประสิทธิภาพสูงถึง 99% สำหรับฝุ่นในช่วงขนาด 0.1-50 ไมครอน สามารถกำจัดกลิ่นและเชื้อโรคบางชนิดในอากาศได้

“โมเดลการผลิตสารทางชีวภาพเป้าหมาย (Smart-BIOact)” เครื่องทำนายศักยภาพของจุลชีพในการสร้างสารชีวภัณฑ์ สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพเป้าหมาย มีความถูกต้องแม่นยำมากกว่า 90% เพื่อคัดเลือกจุลชีพที่เหมาะสม

ทั้งมีผลงานวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าด้านการเกษตรคือ “ไฮบริดชัวร์ การตรวจความบริสุทธิ์เมล็ดพันธุ์อย่างแม่นยำและรวดเร็ว(Hybrid-Sure)” เพื่อใช้ในงานตรวจเอกลักษณ์และความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ลูกผสมรวมทั้งแยกแยะสายพันธุ์

นอกจากนั้นยังมี หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซีแบบแหล่งกำเนิดรังสีเคลื่อนที่ (AGV-Cobot UVC), ชุดตรวจแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 (PSU COVID-19) นวัตกรรมการคงสภาพสมุนไพรสด โดยใช้ RF Dry Blanching ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ คงสภาพสีและกลิ่นรสของสมุนไพรในฟิล์มบริโภคได้พร้อมปรุง (RF Dry Blanching), แผ่นฟิล์มถนอมอาหารและยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ (Activ-Pack-19) และออฟติบอท เป็นต้น



“ตลอด 3 วันของการจัดงานจะได้สัมผัสกับผลงานและนวัตกรรมผ่าน นิทรรศการออนไลน์ในโซนต่างๆ รวมกว่า 290 ผลงานจาก 40 พันธมิตร ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม เกษตร และประมง เภสัชภัณฑ์และเครื่องสำอาง เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น แบ่งเป็น โซนเทคโนโลยีแนะนำ (ราคาเดียว) และเทคโนโลยีไฮไลต์ (เจรจาเงื่อนไข) Tech Start Up การเจรจาธุรกิจแบบ One-on-One Matching และขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการผลิตและจำหน่าย รวมถึงบูธให้คำแนะนำและบริการแบบครบวงจรจาก สวทช. ที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการ” ดร.ณรงค์ กล่าว

ขณะที่อีกหนึ่งไฮไลต์คือ กิจกรรม NSTDA Investors’ Day 2020 เป็นรูปแบบ Investment Pitching นักลงทุน นักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ ผู้ที่มองหานวัตกรรมและพร้อมลงทุน และผู้สนใจเข้าร่วมงานลงทะเบียนได้ที่ www.nstda.or.th/thailandtechshow หรือโทร.0-2564-7000

“ทีมข่าววิทยาศาสตร์” มองว่า งานไทยแลนด์ เทคโชว์ 2563 จะไม่มีความหมายใดๆเลย หากไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย ที่จะต้องสอดคล้องกับรูปแบบวิถีชีวิตแบบใหม่ ที่เป็นผลมาจากวิกฤติโควิด-19 เพราะความรู้และเทรนด์เทคโนโลยีแบบเดิมจะกลายเป็นเรื่องที่ตกยุคสมัย ใช้ไม่ได้อีกต่อไป

เราหวังว่าสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นจากงานไทยแลนด์ เทคโชว์ 2563 คือการนำสิ่งที่ได้จากการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รูปแบบใหม่มาใช้ในชีวิตจริง

เพื่อตอบโจทย์ให้คนไทยสามารถอยู่รอดได้ในยุคนิวนอร์มอล.

ที่มา : ข่าวไทยรัฐ

75
สมุนไพร / พริกไทย
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2563, 07:07:41 pm »
รักษาโรคประเภท
รักษาโรคประเภท:
กลุ่มยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้เลื้อยมีทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย ลำต้นมีข้อและป้องชัดเจน ใบเดี่ยวออกสลับ รูปไข่หรือรี ปลายใบแหลม โคนใบมนกลมหรือแหลมเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้าง 3.5 – 6 ซม. ยาว 7 – 10 ซม. เส้นใบที่บริเวณโคนใบมี 3 – 5 เส้น ดอกออกเป็นช่อและออกตรงข้ามกับใบ ช่อรูปก้านใบยาว 10 – 20 มม. ติดอยู่ตามแกนช่อดอกรองรับดอก รังไข่กลมปลายเกสรแยก 3 – 6 แฉก ช่อดอกตัวผู้มีดอกที่มีเกสรตัวผู้ 2 อัน ผลรวมกันบนช่อยาว 5 – 15 ซม. ผลรูปทรงกลมขนาด 4 – 5 ซม. แก่แล้วมีเมล็ดสีดำ ภายในมี 2 เมล็ด

ส่วนที่ใช้ : ใบ ผล เมล็ด ดอก
สรรพคุณ :

ใบ – แก้ลมจุกเสียดแน่น ท้องอืดเฟ้อ

ผล – ผลที่ยังไม่สุกนำมาเป็นเครื่องเทศ แต่งกลิ่นอาหาร

เมล็ด – ขับลม ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ อาหารไม่ย่อย

ดอก – แก้ตาแดง ถนอมอาหารหลายชนิด เช่น มะม่วงดอง

วิธีและปริมาณที่ใช้ : ใช้เมล็ด 0.5-1 กรัม ประมาณ 15-20 เมล็ด บดเป็นผง ชงรับประทาน 1 ครั้ง
สารเคมี : มีน้ำมันหอมระเหย 2-4 % มีแอลคาลอยด์หลักคือ piperine 5-9% ซึ่งเป็นตัวทำให้มีความเผ็ด นอกจากนี้ยังพบ piperidine, pipercanine เป็นตัวทำให้มีกลิ่นฉุนและรสเผ็ด (ซึ่งเดิมคิดว่าเป็น chavicine) พริกไทยอ่อนนั้นมีน้ำมันหอมระเหยต่ำกว่า พริกไทยดำ และมีโปรตีน 11% คาร์โบไฮเดรต 65%

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Piper nigrum L.

ชื่อสามัญ : Black Pepper

วงศ์ : Piperaceae

ชื่ออื่น : พริกน้อย (ภาคเหนือ)

76
สมุนไพร / ไพล
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2563, 07:06:20 pm »
รักษาโรคประเภท
รักษาโรคประเภท:
กลุ่มยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุกสูง 0.7-1.5 เมตร มีเหง้าใต้ดิน เปลือกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีเหลืองถึงเหลืองแกมเขียว แทงหน่อหรือลำต้นเทียมขึ้นเป็นกอ ซึ่งประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกัน ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 3.5-5.5 เซนติเมตร ยาว 18-35 เซนติเมตร ดอกช่อ แทงจากเหง้าใต้ดิน กลีบดอกสีนวล ใบประดับสีม่วง ผลเป็นผลแห้งรูปกลม
ส่วนที่ใช้ : เหง้าแก่จัด เก็บหลังจากต้นไพลลงหัวแล้ว



สรรพคุณ :

เหง้า
– เป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม
– แก้บิด ท้องเดิน ขับประจำเดือนสตรี ทาแก้ฟกบวม แก้ผื่นคัน
– เป็นยารักษาหืด
– เป็นยากันเล็บถอด
– ใช้ต้มน้ำอาบหลังคลอด

น้ำคั้นจากเหง้า – รักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกบวม แพลงช้ำเมื่อย

หัว – ช่วยขับระดู ประจำเดือนสตรี เลือดร้าย แก้มุตกิตระดูขาว แก้อาเจียน แก้ปวดฟัน

ดอก – ขับโลหิตกระจายเลือดเสีย

ต้น – แก้ธาตุพิการ แก้อุจาระพิการ

ใบ – แก้ไข้ ปวดเมื่อย แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้เมื่อย

วิธีและปริมาณที่ใช้

แก้ท้องขึ้น ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม
ใช้เหง้าแห้งบดเป็นผง รับประทานครั้งละ ½ ถึง 1 ช้อนชา ชงน้ำร้อน ผสมเกลือเล็กน้อย ดื่ม

รักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำบวม ข้อเท้าแพลง
ใช้หัวไพลฝนทาแก้ฟกบวม เคล็ด ขัด ยอก
ใช้เหง้าไพล ประมาณ 1 เหง้า ตำแล้วคั้นเอาน้ำทาถูนวดบริเวณที่มีอาการ หรือตำให้ละเอียด ผสมเกลือเล็กน้อยคลุกเคล้า แล้วนำมาห่อเป็นลูกประคบ อังไอน้ำให้ความร้อน ประคบบริเวณปวดเมื่อยและบวมฟกช้ำ เช้า-เย็น จนกว่าจะหาย หรือทำเป็นน้ำมันไพลไว้ใช้ก็ได้ โดยเอาไพล หนัก 2 กิโลกรัม ทอดในน้ำมันพืชร้อนๆ 1 กิโลกรัม ทอดจนเหลืองแล้วเอาไพลออก ใส่กานพลูผงประมาณ 4 ช้อนชา ทอดต่อไปด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 10 นาที กรองแล้วรอจนน้ำมันอุ่นๆ ใส่การบูรลงไป 4 ช้อนชา ใส่ภาชนะปิดฝามิดชิด รอจนเย็น จึงเขย่าการบูรให้ละลาย น้ำมันไพลนี้ใช้ทาถูนวดวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลาปวด (สูตรนี้เป็นของ นายวิบูลย์ เข็มเฉลิม อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา)

แก้บิด ท้องเสีย
ใช้เหง้าไพลสด 4-5 แว่น ตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำเติมเกลือครึ่งช้อนชา ใช้รับประทาน หรือฝนกับน้ำปูนใส รับประทาน

เป็นยารักษาหืด
ใช้เหง้าไพลแห้ง 5 ส่วน พริกไทย ดีปลี อย่างละ 2 ส่วน กานพลู พิมเสน อย่างละ ½ ส่วน บดผสมรวมกัน ใช้ผงยา 1 ช้อนชา ชงน้ำร้อนรับประทาน หรือปั้นเป็นลูกกลอนด้วยน้ำผึ้ง ขนาดเท่าเม็ดพุทรา รับประทานครั้งละ 2 ลูก ต้องรับประทานติดต่อกันเวลานาน จนกว่าอาการจะดีขึ้น

เป็นยาแก้เล็บถอด
ใช้เหง้าไพลสด 1 แง่ง ขนาดเท่าหัวแม่มือ ตำให้ละเอียดผสมเกลือและการบูร อย่างละประมาณครึ่งช้อนชา แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นหนอง ควรเปลี่ยนยาวันละครั้ง

ช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื่น และเป็นยาช่วยสมานแผลด้วย
ใช้เหง้าสด 1 แง่ง ฝานเป็นชิ้นบางๆ ใช้ต้มรวมกับสมุนไพรอื่นๆ เนื่องจากไพลมี่น้ำมันหอมระเหย

สารเคมี – Alflabene : 3,4 – dimethoxy benzaldehyde, curcumin, beta-sitosterol, Volatile Oils

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr.

ชื่อพ้อง : Z.purpureum Roscoe

วงศ์ : Zingiberaceae

ชื่ออื่น : ปูลอย ปูเลย (ภาคเหนือ) ว่านไฟ (ภาคกลาง) มิ้นสะล่าง(ฉาน-แม่ฮ่องสอน)

77
สมุนไพร / มะรุม
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2563, 07:05:06 pm »
รักษาโรคประเภท
รักษาโรคประเภท:
กลุ่มยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้นสูง 3-6 เมตรหรือใหญ่กว่าเปลือกสีขาว รากหนานุ่ม ใบสลับแบบขนนก 2 หรือ 3 ชั้น ยาว 20-60 ซนติเมตร ใบชั้นหนึ่งมีใบย่อย 8-10 คู่ ใบแบบรูปไข่รูปไข่หัวกลับรูปคู่ขนาน ใต้ใบสีเขียวอ่อน ใบอ่อนมีขนสีเทาขนาดใบยาว 1-3 เซนติเมตร ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ สีขาวหรือขาวอมเหลืองแต้มสีแดงเข้าที่ใกล้ฐานด้านนอกยาว 1.4-1.9 เซนติเมตรกว้าง 0.4 เซนติเมตรปลายกลีบดอกกว้างกว่าโคน 4 กลีบ ตั้งตรง เกสรตัวผู้แยกจากกันสมบูรณ์ 5 อันไม่สมบูรณ์ 5 อันเรียงสลับกันมีขนสีขาว ที่โคนอับเกสรสีเหลืองเกสรตัวเมีย 1 อัน ผลยาวเป็นฝัก 3 เหลี่ยม เมล็ดมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร 3 ปีก
ส่วนที่ใช้ : เปลือกต้น ราก ฝัก

สรรพคุณ :

ฝัก – ปรุงเป็นอาหารรับประทาน

เปลือกต้น – มีรสร้อน รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก)

ราก – มีรสเผ็ด หวานขม แก้บวม บำรุงไฟธาตุ มีคุณเสมอกับกุ่มบก
– แก้พิษ ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ
แพทย์ตามชนบท ใช้เปลือกมะรุมสดๆ ตำบุบพอแตกๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมาเลย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Moringa oleifera Lam.

ชื่อสามัญ : Horse radish tree, Drumstick

วงศ์ : Moringaceae

ชื่ออื่น : กาเน้งเดิง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ผักเนื้อไก่ (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) ผักอีฮึม ผักอีฮุม มะค้อนก้อม (ภาคเหนือ) เส่ช่อยะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)

78
สมุนไพร / เร่ว
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2563, 07:03:16 pm »
รักษาโรคประเภท
รักษาโรคประเภท:
กลุ่มยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าหรือลำต้นอยู่ในดิน จัดเป็นพืชสกุลเดียวกับ กระวาน ข่า ขิง ใบมีลักษณะยาวเรียว ปลายใบแหลมและห้อยโค้งลง ก้านใบมีขนาดสั้น ออกดอกเป็นช่อจากยอดที่แทงขึ้นมาจากเหง้า ดอกมีสีขาวก้านช่อดอกสั้น ผลมีขนสีแดงปกคลุม เมล็ดมีสีน้ำตาล เร่วมีหลายชนิด เช่น เร่วหอม เร่วช้าง เร่วกอ ซึ่งเร่วเหล่านี้มีลักษณะต้นแตกต่างกันไป
ส่วนที่ใช้ : เมล็ดจากผลที่แก่จัด ราก ต้น ใบ ดอก ผล



สรรพคุณ :

เมล็ดจากผลที่แก่จัด
– เป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม
– แก้คลื่นเหียนอาเจียน ขับน้ำนมหลังจากคลอดบุตร

ราก – แก้หืด แก้ไอ แก้ไข้เซื่องซึม

ต้น – แก้คลื่นเหียน อาเจียน

ใบ – ขับลม แก้ปัสสาวะพิการ

ดอก – แก้พิษอันเกิดเป็นเม็ดผื่นคันตามร่างกาย

ผล- รักษาโรคริดสีดวงทวาร แก้ท้องอืดเฟ้อ แก้ปวดท้อง

วิธีและปริมาณที่ใช้

แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมแน่นจุกเสียด
โดยนำเมล็ดในของผลแก่มาบดเป็นผง รับประทานครั้งละ 1-3 กรัม (ประมาณ 3-9 ผล) วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร

ใช้เป็นเครื่องเทศ โดยใช้เมล็ด

สารเคมี – Essential Oil น้ำมันหอมระเหยจากผล P-Methyloxy- trans ethylcinnamate

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amomum xanthioides Wall.

ชื่อสามัญ : Bustard cardamom, Tavoy cardamom

วงศ์ : Zingiberaceae

ชื่ออื่น : หมากแหน่ง (สระบุรี) หมากเนิง (อีสาน) มะอี้ หมากอี้ มะหมากอี้ (เชียงใหม่) หน่อเนง (ชัยภูมิ)

79
สมุนไพร / ว่านน้ำ
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2563, 07:01:37 pm »
รักษาโรคประเภท
รักษาโรคประเภท:
กลุ่มยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ว่านน้ำมีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดินลักษณะเป็นแท่งค่อนข้างแบน มีใบแข็งตั้งตรง รูปร่างแบนเรียวยาวคล้ายใบดาบฝรั่ง ปลายใบแหลม แตกใบเรียงสลับซ้ายขวาเป็นแผง ใบค่อนข้างฉ่ำน้ำ ดอกมีสีเขียวมีขนาดเล็กออกเป็นช่อ มีจำนวนมากอัดกันแน่นเป็นแท่งรูปทรงกระบอก มีก้านช่อดอกลักษณะคล้ายใบ ทั้งใบ เหง้า และรากมีกลิ่นหอมฉุน ชอบขึ้นตามที่น้ำขัง หรือที่ชื้นแฉะ
ส่วนที่ใช่ : ราก เหง้า น้ำมันหอมระเหยจากต้น



สรรพคุณ :

ราก
– รับประทานมาก ทำให้อาเจียน แต่มีกลิ่นหอม รับประทานน้อย เป็นยาแก้ปวดท้อง ธาตุเสีย บำรุงธาตุ แก้จุก ขับลมในลำไส้ ปรุงลงในยาขมต่างๆ ทำให้ระงับอาการปวดท้องได้ดี
– ในว่านน้ำมีสารชนิดหนึ่งเรียกว่า อาโกริน acorine มีรสขมและแอลคาลอยด์ คาลาไมท์ อยู่ในนี้เป็นยาแก้บิด เป็นยารักษาบิดของเด็ก (คือมูกเลือด) และหวัดลงคอ (หลอดลมอักเสบ) ได้อย่างดี เป็นยาขับเสมหะอย่างดี ชาวอินเดียใช้ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ เคี้ยว 2-3 นาที แก้หวัดและเจ็บคอ และใช้ปรุงกับยาระบายเพื่อเป็นยาธาตุด้วยในตัว
– เป็นยาเบื่อแมลงต่างๆ เช่น แมลงวัน
– เป็นยาแก้เส้นกระตุก แก้หืด ขับเสมหะ แก้ปวดศีรษะ แก้ Hysteria และ Neuralgia แก้ปวดกล้ามและข้อ แก้โรคผิวหนัง

เหง้า – ใช้ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้โรคผิวหนัง เป็นยาหอม

น้ำมันหอมระเหยจากต้น – แก้ชัก เป็นยาขมหอม ขับแก๊สในท้อง ทำให้เจริญอาหาร ช่วยการย่อย

วิธีใช้และปริมาณที่ใช้ :

บำรุงธาตุ – ใช้เหง้าสด 9-12 กรัม หรือแห้ง 3-6 กรัม ชงด้วยน้ำร้อน 2 ถ้วยแก้ว ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยแก้ว ก่อนอาหารเย็น ติดต่อกันจนกว่าธาตุจะปกติ

แก้ปวดท้องและจุกแน่น -ใช้รากว่านน้ำ หนัก 60 กรัม โขลกให้ละเอียด ชงลงในน้ำเดือด 420 ซีซี. รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง

เป็นยาดูดพิษ แก้อาการอักเสบของหลอดลมและปอด – ใช้รากฝนกับสุรา เจือน้ำเล็กน้อย ทาหน้าอกเด็ก

เป็นยาแก้ไอ – ใช้ชิ้นเล็กๆ ของรากว่านน้ำแห้ง อมเป็นยาแก้ไอ มีกลิ่นหอมระเหยทางลมหายใจ

เป็นยาถอนพิษของสลอด และแก้โรคลงท้องปวดท้องของเด็ก – ใช้รากว่านน้ำเผาจนเป็นถ่าน ทำผงรับประทานมื้อละ 0.5 ถึง 1.5 กรัม ใช้ใบว่านน้ำสดตำละเอียดผสมน้ำสุมศีรษะแก้ปวดศีรษะได้ ตำพอกแก้ปวดกล้ามและข้อ ตำรวมกับชุมเห็ดเทศ แก้โรคผิวหนัง

เป็นยาขมหอม เจริญอาหาร ขับแก๊ส ช่วยย่อยอาหาร – ในน้ำมันหอมระเหยมีวัตถุขมชื่อ acorin และมีแป้งและแทนนินอยู่ด้วย ทำเป็นยาชง (1 ใน 10) รับประทาน 15-30 ซีซี. หรือทิงเจอร์ (1 ใน 5) รับประทาน 2-4 ซีซี. ขนาดใช้ 1-4 กรัม

สารเคมี : มีน้ำมันหอมระเหย (Calamus oil) 2-4% ในน้ำมันประกอบด้วย Sesquiterpene เช่น asarone, Betasalone (มี 70-80 %) และตัวอื่นๆ ยังมี glucoside รสขมชื่อ acorin

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acorus calamus L.

ชื่อสามัญ : Mytle Grass, Sweet Flag

วงศ์ : Araceae

ชื่ออื่น : คงเจี้ยงจี้ ผมผา ส้มชื่น ฮางคาวน้ำ ฮางคาวบ้าน (ภาคเหนือ) ตะไคร้น้ำ (เพชรบุรี) ทิสีปุตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ว่านน้ำ ว่านน้ำเล็ก ฮางคาวผา (เชียงใหม่)

80
สมุนไพร / โหระพา
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2563, 07:00:23 pm »
รักษาโรคประเภท
รักษาโรคประเภท:
กลุ่มยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชล้มลุก ลำต้นมีขนาดเล็ก มีลักษณะหรือลักษณะพิเศษของโหระพาดังนี้ เป็นพืชที่มีอายุได้หลายฤดู มีลักษณะลำต้นเป็นสี่เหลี่ยมและเป็นพุ่ม ลำต้นจะแตกแขนงได้มากมาย กิ่งก้านมีสีม่วงแดง มีขนอ่อนๆ ที่ผิวลำต้น ใบมีรูปร่างแบบรูปไข่ปกติจะยาวไม่เกิน ๒ นิ้ว ใบจะเรียงตัวแบบตรงกันข้ามกัน ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ใบมีสีเขียวอมม่วงและมีก้านใบยาว ดอกโหระพา ดอกมีขนาดเล็กสีขาวหรือม่วงจะออกเป็นช่อคล้ายฉัตรที่ยอด ดอกมีทั้งสีม่วง แดงอ่อน และสีขาว ในแต่ละดอกจะมีเกสรตัวผู้ ๔ อัน รังไข่แต่ละอันจะมีสีม่วง เมล็ดมีสีดำมีกลิ่นหอมทั้งต้น
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น เมล็ด และราก

ทั้งต้น – เก็บเมื่อเริ่มเข้าฤดูหนาว ขณะเจริญเต็มที่ มีดอกและผลล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนตาแห้งเก็บไว้ใช้

เมล็ด – นำต้นไปเคาะ แยกเอาเมล็ดตากแห้งเก็บไว้ใช้ (ระวังไม่ให้ถูกน้ำเพราะจะจับกันเป็นก้อน)

ราก – ใช้รากสด หรือตากแห้ง เก็บไว้ใช้

สรรพคุณ :

ทั้งต้น
– รสฉุน สุขุม ขับลม ทำให้เจริญอาหาร
– แก้ปวดหัว หวัด ปวดกระเพาะอาหาร
– จุกเสียดแน่น ท้องเสีย
– ประจำเดือนผิดปกติ
– ฟกช้ำจากหกล้ม หรือกระทบกระแทก งูกัด
– ผดผื่นคัน มีน้ำเหลือง

เมล็ด
– รสชุ่ม เย็น สุขุม ถูกน้ำจะพองตัวเป็นเมือก
– ใช้แก้ตาแดง มีขี้ตามาก ต้อตา
– ใช้เป็นยาระบาย (ใช้เมล็ด 4-12 กรัม แช่น้ำเย็นจนพอง ผสมน้ำหวาน เติมน้ำแข็งรับประทาน)

ราก – แก้เด็กเป็นแผล มีหนองเรื้อรัง

วิธีและปริมาณที่ใช้

ทั้งต้น – แห้ง 6-10 กรัม ต้มน้ำดื่ม หรือใช้สดคั้นเอาน้ำดื่ม ใช้ภายนอก ตำพอก หรือต้มน้ำชะล้าง หรือเผาเป็นเถ้า บดเป็นผง ผสมทา

เมล็ด – แห้ง 2.5-5 กรัม ต้มน้ำหรือแช่น้ำดื่ม ใช้ภายนอก บดเป็นผงแต้มทา

ราก – เผา เป็นเถ้าพอก

ใบ
– ใช้ใบคั้นเอาน้ำ 2-4 กรัม ผสมน้ำผึ้ง จิบแก้ไอและหลอดลมอักเสบ
– ใช้สำลีก้อนเล็กๆ ชุบน้ำคั้นจากใบอุดโพรงฟันที่ปวด แก้ปวดฟัน

สารเคมี
น้ำมันหอมระเหยจากใบ ประกอบด้วย Ocimine, alpha-pinene, 1,8- cineole, eucalyptol ,linalool, geraniol,limonene, eugenol, methyl chavicol, eugenol methyl ether.methyl cinnaminate, 3- hexen -1- ol, estragol

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ocimum basilicum L.

ชื่อสามัญ : Sweet Basil

วงศ์ : Labiatae

ชื่ออื่น : ห่อกวยซวย ห่อวอซุ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) อิ่มคิมขาว (ฉาน-แม่ฮ่องสอน)

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6