แสดงกระทู้ - admin

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - admin

หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
41

ภาพจาก bit.ly/2kCnRu2

อยู่บริเวณถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตรงข้ามกับ Cool คอนโดมิเนียม เป็นถนนที่สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่ได้หลากหลาย เป็นจุดใกล้ที่พักอาศัย จำนวนมาก เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อโดยรวมสูง จัดโซนแยกเป็นตลาดของกิน ตลาดเปิดท้าย มีพื้นที่โครงการประมาณ 8,180 ตร.ม. รองรับรถลูกค้าได้ประมาณ 100 คัน เปิดขายทุกวัน

42

ภาพจาก bit.ly/2m1Ixfd

ป็นโครงการตลาดสดเปิดใหม่บนพื้นที่กว่า 12,000 ตร.ม. อยู่ติดกับถนนสุขสวัสดิ์ เยื้องกับบิ๊กซี สุขสวัสดิ์ รองรับผู้สนใจเข้ามาเปิดร้านกว่า 200 ร้านค้า มีที่จอดรถกว่า 120 คัน มีห้องหน้ำและพนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พื้นที่ขายสินค้าจัดเป็นล็อค 2×2 เมตร สามารถตกแต่งตามสไตล์ร้านได้ พื้นที่เทคอนกรีตทั้งหมด มีโซนสำหรับนั่งรับประทานอาหารจุคนได้ 100-200 คน

43
ที่ขายของ รวมตลาดนัดทั่วไทย / ตลาดธารทอง
« เมื่อ: 03 ธันวาคม 2563, 12:16:48 pm »

ภาพจาก facebook.com/thanthongmarket

อยู่บริเวณปากซอยเทพารักษ์ 20 พื้นที่โครงการประมาณ 3,300 ตร.ม. มีที่จอดรถโดยรอบรองรับรถได้ประมาณ 100 คัน มีห้องน้ำสะอาดไว้คอยบริการ พื้นที่จัดเป็นล็อคประมาณ 2×2 ตร.ม. สามารถขายได้ทั้งอาหารแห้ง ของสด เครื่องใช้ทั่วไป เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ มีจำนวนล็อคที่เปิดให้คนสนใจได้เช่าพื้นที่ประมาณ 110 ล็อค ผู้สนใจให้เข้ามาติดต่อที่ตลาดหรือสอบถามรายละเอียดกันก่อนได้

44

ภาพจาก facebook.com/krunainicemarket

เป็นตลาดนัดเปิดใหม่ในซอยสุขสวัสดิ์ 70 เป็นตลาดกลางแจ้ง บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ พื้นที่เทคอนกรีตทั้งหมด ภายในจัดเป็นโซนตลาดนัด โซนตลาดพื้นที่ประจำ โซนแบกะดิน และอื่นๆ อีกมากมาย ผู้ที่สนใจมาขายของในครุใน มาร์เก็ต ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์โต๊ะ เต้นท์ ในการจัดการร้านมาเอง ร้านขายอาหารสามารถใช้แก๊สได้ กรณีใช้ไฟฟ้าคิดตามประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า ราคาสำหรับเช่าประจำ 150 บาท แต่ถ้าเป็นตลาดนัด ราคา 80 บาท ขนาดพื้นที่ 2×2 ตร.ม.

45

ภาพจาก YouTube : SoboNut Channel3


ตลาดนัดที่เปิดมาแล้วกว่า 3 ปี บนพื้นที่กว่า 12 ไร่ เป็นตลาดกลางแจ้งในสไตล์แบบชุมชน มีพื้นที่สำหรับรองรับรถลูกค้าได้ประมาณ 250 คัน ตลาดจะเปิดขายช่วงเย็นๆไปจนถึงประมาณ สามทุ่ม เปิดขาย 3 วัน/สัปดาห์ และยังมีโซนเปิดท้าย ที่คนสนใจสามารถจอดรถลงของได้เลย ตลาดอยู่บริเวณซอยคู้บอน 27 สามารถเข้าจากถนนรามอินทรา กม.8 อยู่ตรงกันข้ามกับทางเข้าหมู่บ้านเอื้ออาทร

46


เป็นตลาดขนาดใหญ่พื้นที่ประมาณ 5 ไร่เศษ พื้นที่เทคอนกรีตทั้งตลาด รองรับรถได้ประมาณ 100 คัน มีที่จอดรถด้านหลังโครงการ ในตลาดออกแบบเป็น ตลาดสด ศูนย์อาหาร และตลาดนัด ตัวตลาดสามารถเข้าจากถนนลำลูกกาคลอง 8 หรือถนนนิมิตใหม่ก็ได้ โดยโซนตลาดนัดจะเปิดขายวันจันทร์และวันศุกร์ มีตั้งแบบตั้งร้านและแบกะดิน ส่วนตัวตลาดสดเปิดขายทุกวันไม่มีวันหยุด จำนวนล็อคในตลาดนัดมีประมาณ 350 ล็อก เริ่มปล่อยล็อค ตอนบ่ายโมงตรงของทุกวันนัด


ภาพโดย bit.ly/2k7ljnv


47
ประเภทข่าวสาร:
ทุกทิศทั่วไทย


"บิ๊กบี้" นำคณะนายทหารลงพื้นที่ชายแดนอีสาน บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 มาตรการป้องกันลักลอบเข้าเมือง การคัดกรอง พร้อมกำชับกำลังพลในพื้นที่เฝ้าตรวจ และสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกัน ก่อนมอบสิ่งของและอวยพรปีใหม่ให้กำลังใจทหารแนวชายแดน

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พร้อมคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก (ทบ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ติดตามการปฏิบัติงานของกองกำลังสุรนารี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจกับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลพื้นที่ชายแดน พร้อมรับทราบความคืบหน้าการทำงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่าน การคัดกรอง



ก่อนการเดินทางตรวจเยี่ยมชายแดน ไปยัง จ.บุรีรัมย์ ตรวจเยี่ยมเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 26 (มทบ.26) เพื่อรับฟังบรรยายภารกิจของเรือนจำทหารในเรื่องการบริหารจัดการ และแนวทางการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ พร้อมกันนี้ได้ตรวจเยี่ยมคุณภาพชีวิตของกำลังพล ทั้งด้านสวัสดิการ และบ้านพักข้าราชการ ของกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน.4) และเยี่ยมชมการปฏิบัติงานในหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มทบ.26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก



พ.ท.หญิง นุชระวี แจ่มจำรัส ผช.โฆษก ทบ. กล่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ ให้ความสำคัญการเรียนการสอนของนักศึกษาวิชาทหารที่เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และท้องถิ่น โดยเฉพาะโครงการจิตอาสาพระราชทาน ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ทุกคนมีจิตสาธารณะ และเสียสละเพื่อส่วนรวม



ต่อจากนั้น ผบ.ทบ. เดินทางไปบริเวณชายแดนจังหวัดสุรินทร์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปพร้อมตรวจภูมิประเทศโดยรอบ บริเวณฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือน, พื้นที่หมุดน้ำเงิน, จุดตรวจการณ์สามแยก และฐานปฏิบัติการชนแดน ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญจุดหนึ่งของชายแดนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ และถือโอกาสนี้พร้อมนายกสมาคมแม่บ้านทหารบก พบปะประชาชนที่อาศัยอยู่แนวชายแดน บริเวณบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก พร้อมมอบเสื้อและผ้าห่มให้ประชาชนไว้ใช้ในช่วงฤดูหนาว



พ.ท.หญิง นุชระวี กล่าวต่อว่า จากนั้น ผบ.ทบ. และคณะฯ ได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดศรีสะเกษ ตรวจเยี่ยม และฟังบรรยายสรุป พร้อมดูการปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ และได้กำชับให้กำลังพลในพื้นที่ดำรงความต่อเนื่องภารกิจป้องกันประเทศ โดยเฉพาะ การเฝ้าตรวจและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกัน COVID-19 ไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรอง



ทั้งการลาดตระเวน การเฝ้าตรวจ มาตรการด้านการข่าว และการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของ โควิด-19 เข้าสู่ประเทศ นอกจากนี้ได้เยี่ยมชมพร้อมรับฟังภารกิจของหน่วยปฏิบัติงานตามแนวชายแดน เช่น การปฏิบัติการบริเวณเขาสัตตะโสม, กองร้อยทหารพรานที่ 2307 บริเวณผามออีแดง และกองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 202 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ



“สำหรับการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ของ ผบ.ทบ.นอกจากติดตามการปฏิบัติหน้าที่ รับทราบปัญหาข้อขัดข้อง ดูแลความเป็นอยู่สวัสดิการของกำลังพล ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน ได้ถือโอกาสนี้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ พร้อมเครื่องดื่มน้ำนมมะพร้าวที่ได้รับการบริจาคจากสมาคมการค้าอุตสาหกรรมไทย-จีน ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกมีความตั้งใจที่จะนำไปมอบให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนในการปกป้อง และรักษาความมั่นคงของประเทศ พร้อมได้อวยพรเนื่องในเทศกาล ปีใหม่ และให้กำลังใจกำลังพล ที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ด่านหน้าตลอด 24 ชม.” พ.ท.หญิง นุชระวีกล่าว.











ที่มา ข่าวไทยรัฐ

48
ประเภทข่าวสาร:
ภัยธรรมชาติ


ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประกาศ 7 มาตรการช่วยเหลือชาวใต้ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุ น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก
วันที่ 2 ธ.ค. 2563 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในบริเวณพื้นที่ภาคใต้ ได้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก หลังจากเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจนมีผลให้ที่อยู่อาศัยเกิดความเสียหายและประชาชนได้รับผลกระทบในด้านการประกอบอาชีพ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ จึงพร้อมบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าประชาชนด้วย "โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติปี 2563" (กรอบวงเงินรวมของโครงการ 100 ล้านบาท) โดยพิจารณาตามระดับความเสียหาย ซึ่งมีรายละเอียดประกอบด้วย

มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้าเดิมของ ธอส. กรณีหลักประกัน (ที่อยู่อาศัยที่จดจำนองกับธนาคาร) ของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหายจากการประสบอุทกภัยสามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวดผ่อนชำระ เดือนที่ 1-4 อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี เดือนที่ 5-16 อัตราดอกเบี้ย 3.65% ต่อปี เดือนที่ 17-24 อัตราดอกเบี้ย 4.15% ต่อปี ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย 5.15% ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้กรณีลูกค้าสวัสดิการ ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR -1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR - 0.50% ต่อปี กรณีกู้เพื่อชำระหนี้หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกฯ ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.150% ต่อปี)

มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าเดิมของ ธอส. ที่หลักประกันของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหายจากการประสบอุทกภัย สามารถขอกู้เพิ่ม หรือกู้ใหม่ เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคาร ที่ได้รับความเสียหาย คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 3.00% ต่อปี นาน 3 ปี หลังจากนั้นกรณีลูกค้าสวัสดิการ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี ส่วนลูกค้ารายย่อย คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี

สำหรับลูกค้าผู้ที่ต้องการยื่นกู้ตามมาตรการที่ 2 ธนาคารกำหนดวงเงินให้กู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 หลักประกัน และยังยกเว้นค่าธรรมเนียมในรายการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ค่าตรวจสอบหลักประกันค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าธรรมเนียมการขอเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการกู้

มาตรการที่ 3 ลูกหนี้ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ลูกหนี้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 4 เดือนแรกโดยไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 5-16 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้

มาตรการที่ 4 ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกหนี้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้

มาตรการที่ 5 ลูกหนี้ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระโดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือตามสัญญากู้

มาตรการที่ 6 กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น

มาตรการที่ 7 พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ รวมถึงกรณีน้ำท่วม หรือลมพายุ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันยื่นเอกสารแจ้งความเสียหาย จ่ายตามความเสียหายจริงตามภาพถ่าย รวมทุกภัยธรรมชาติไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงจากหลักฐานภาพถ่าย แต่ไม่เกินภัยละ 30,000 บาทต่อปี

ทั้งนี้ ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการของ "โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติธรรมชาติ ปี 2563" สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2563 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศหรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร. 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์.



ที่มา ข่าวไทยรัฐ

49
ประเภทข่าวสาร:
โรคระบาดและอื่นๆ


วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งเริ่มฉีดวัคซีนเป็นวงกว้างในสัปดาห์หน้า ขณะที่พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้ทุบสถิติสูงสุดในวันเดียว

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งประเทศรัสเซีย ออกคำสั่งในวันพุธที่ 2 ธ.ค. 2563 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่เริ่มการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แบบสมัครใจเป็นวงกว้างในสัปดาห์หน้า โดยนายปูตินย้ำว่า วัคซีน ‘สปุตนิค-ไฟว์’ จำนวน 2 ล้านโดสจะผลิตเสร็จภายในเวลาไม่กี่วัน

ทั้งนี้ สถาบันวิจัย กามาเลบา ของรัสเซีย ร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ขึ้นมา และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการทดสอบขั้นสุดท้าย ซึ่งรัสเซียเปิดเผยผลการวิเคราะห์การทดสอบเมื่อเดือนก่อน ชี้ว่า วัคซีนชนิดนี้มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 92% และรัฐบาลเริ่มส่งไปให้โรงพยาบาลท้องถิ่นในกรุงมอสโกฉีดให้พลเรือนเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยฉีดให้ตามความสมัครใจ

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในช่วง 24 ชั่วโมงจนถึงวันพุธถึง 589 ศพ มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการระบาด อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อในรัสเซียเริ่มชะลอตัวลงหลังจากขึ้นถึงจุดพีคในวันที่ 27 พ.ย. โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25,345 รายในวันพุธ ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 2,347,401 ราย และเสียชีวิตรวม 41,053 ศพ

แต่ที่เมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเพิ่มสูงขึ้น โดยพบ 3,684 รายในวันพุธ ทำให้ทางการท้องถิ่นตัดสินใจสั่งปิดบาร์และร้านอาหารตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. ถึง 3 ม.ค. เพื่อจำกัดการรวมตัวของประชาชนในช่วงปีใหม่ ส่วนพิพิธภัณฑ์, โรงละคร และศูนย์จัดคอนเสิร์ตต่างๆ จะถูกปิดตั้งแต่ 30 ธ.ค. ถึง 10 ม.ค.

ที่มา ข่าวไทยรัฐ

50
ประเภทข่าวสาร:
เศรษฐกิจ


"ก.แรงงาน" เตรียมจับมือ "ก.การคลัง" กำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ติดอาวุธแก้จน สร้างอาชีพ-รายได้มั่นคง

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้หารือแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร่วมกับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงหารือแนวทางการจัดทำโครงการสร้างความรู้ สร้างสัมมาชีพ ยกระดับทักษะ และหางานให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งที่อยู่ในภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตรให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงโครงการให้ความรู้ด้านการเงินและดิจิทัล เพื่อยกระดับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้เป็นแรงงานคุณภาพที่มีอาชีพที่มั่นคงและพ้นเส้นความยากจน ณ ห้องประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชั้น 3 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐและมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเมื่อปี 2560-2561 และมีแนวโน้มจะเปิดรับลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐอีกครั้งในช่วงต้นปี 2564 โดยในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานมีแนวทางที่จะขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและจังคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการคลัง เป็นต้น เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การฝึกอาชีพ เพื่อสร้างองค์ความรู้ทั้งด้านการเงินและดิจิทัล ให้มีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ เป็นการ "สอนหาปลา" แทนการให้ปลา รวมถึงหางานและตลาดที่เหมาะสม ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อยู่ในวัยแรงงาน เป็นการ "ให้เบ็ดตกปลา" นอกจากนี้ยังประสานกับเครือข่ายจัดหาแหล่งเงินทุน อาทิ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และธนาคารพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีอาชีพที่มั่นคงและหลุดพ้นจากความยากจน ภายใต้แนวคิด "สร้าง ยก ให้ รวมไทยสร้างชาติ"

"แรงงานทุกกลุ่มเป้าหมายควรได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุ คนพิการ แลผู้ต้องขัง ซึ่งกระทรวงแรงงานจะเดินหน้าให้การช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มที่ คนที่มีงานทำอยู่แล้วมีรายได้เพิ่มขึ้น และคนที่ว่างงานต้องมีงานทำ ซึ่งการจะก้าวไปถึงความมุ่งหมายนั้นได้จึงต้องเริ่มต้นจากเพิ่มทักษะ ความรู้ ความสามารถ" ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าว

ที่มา ข่าวไทยรัฐ

51
ประเภทข่าวสาร:
เศรษฐกิจ


ธ.ก.ส. เปิดโครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือก ฟรีดอกเบี้ย 5 เดือน และสินเชื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันเกษตรกร อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการเก็บรักษาข้าวเปลือก และรักษาเสถียรภาพด้านราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากมีมติ ครม.เห็นชอบให้มี ธ.ก.ส.สนับสนุนการจ่ายเงินในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 กับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปแล้วนั้น

ล่าสุด รัฐบาลได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการภายใต้มาตรการคู่ขนานเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย

1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 เพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว ไม่ต้องเร่งขายในช่วงที่ราคาตกต่ำ
โดยมีเป้าหมายการจ่ายสินเชื่อจำนวน 1.5 ล้านตันข้าวเปลือก ณ ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกิน 2% ซึ่งข้าวเปลือกชนิดสีได้ต้นข้าวต่ำกว่า 20 กรัม ไม่รับเข้าร่วมโครงการ และข้าวหอมมะลิจะมีเมล็ดข้าวแดงได้ไม่เกินร้อยละ 0.5 (ไม่เกิน 22 เมล็ดใน 100 กรัม) กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตันรวมเป็นเงิน 15,284 ล้านบาท ดังนี้

- ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด ตั้งแต่ 10,400-11,000 บาทต่อตัน
- ข้าวหอมมะลินอกเขต 23 จังหวัด ตั้งแต่ 8,900-9,500 บาทต่อตัน
- ข้าวเจ้า 5,400 บาทต่อตัน
- ข้าวหอมปทุม 7,300 บาทต่อตัน
- ข้าวเหนียว 8,600 บาทต่อตัน


โดยเกษตรกรกู้ได้รายละไม่เกิน 300,000 บาท สหกรณ์การเกษตรแห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรแห่งละไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนแห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันนี้-28 ก.พ.64 และภาคใต้ตั้งแต่เดือนมี.ค.- 31 ต.ค. 64 กำหนดชำระคืนเงินกู้ภายใน 5 เดือนนับถัดจากเดือนที่รับเงินกู้ โดยไม่มีอัตราดอกเบี้ย

2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2563/64 เพื่อช่วยให้สถาบันเกษตรกรเข้ามามีบทบาทในการช่วยดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในตลาด โดยรวบรวมและรับซื้อข้าวจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปนำมาเก็บรักษาตามเกณฑ์มาตรฐาน

ทั้งนี้ เพื่อรอการขายหรือนำมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรจะได้รับวงเงินกู้ตามศักยภาพ แผนธุรกิจ และไม่เกินวงเงินที่นายทะเบียนกำหนด ระยะเวลาตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ก.ย.64 กำหนดระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ตามรอบธุรกิจแต่ไม่เกิน 31 ธ.ค. 64 ซึ่งเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือโทร. Call Center 0-2555-0555.

ที่มา ข่าวไทยรัฐ

52
ประเภทข่าวสาร:
การเมือง


อุดม แจง คำสั่ง คสช. สิ้นผลตามคำวินิจฉัยศาลรธน. แต่ผู้ได้รับผลกระทบฟ้องกลับไม่ได้ เหตุขณะออกคำสั่งมีอำนาจ ชี้คนหนีออกนอกประเทศขอกลับเข้ามาได้

วันที่ 2 ธ.ค.63 นายอุดม รัฐอมฤต อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าคำสั่งคสช.ที่เรียกบุคคลให้มารายงานตัวขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ก็จะมีผลให้คดีที่มีการฟ้องหรือพิจารณาอยู่ในศาลยุติธรรม ศาลไม่ต้องการพิจารณาต่อไปโดยศาลก็ต้องยกฟ้องหรือจำหน่ายคดี

ส่วนจะมีผลอะไรต่อคสช. ในฐานะผู้ออกคำสั่งหรือไม่นั้น ก็เห็นว่าไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะมันเป็นเพียงแค่การตรวจสอบความชอบของการกระทำ ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คงจะไปฟ้องเรียกค่าเสียหายอะไรจากคสช.ไม่ได้ เพราะอันนี้มันเหมือนคนที่ไปออกกฎหมายแล้วกฎหมายที่ออกมามันขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมายนี้ก็สิ้นผลบังคับใช้ แต่จะบอกว่าการที่ทำให้คนยุ่งยากช่วงที่กฎหมายนั้นออกมาและศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยแล้วส่งผลกระทบ คงจะไปบอกอย่างนั้นไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดคนที่ออกกฎหมายเขาก็เข้าใจว่าเขามีอำนาจในการออก ณ เวลานั้น ๆ

นายอุดม ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเช่นนี้ คนที่เดินทางออกไปนอกประเทศก่อนหน้านี้ เพราะต้องการไปรายงานตัวตามคำสั่งเรียกของคสช. ก็สามารถขอกลับเข้ามาภายในประเทศได้ เพราะคำสั่งเรียกของคสช.ไม่สามารถใช้บังคับได้ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา

“จริงๆ เรื่องของเรื่องเวลาเราพูดถึงอำนาจของภาครัฐเนี่ย มันมีอำนาจอยู่แล้ว แต่อำนาจนี้ การที่จะไปสืบว่าเขามีเจตนาที่จะทำให้เสียหายมันพูดยาก เพราะวัตถุประสงค์ของการออกกฎหมาย เป็นเรื่องเฉพาะหน้า ที่เขาเห็นว่าเขามีอำนาจ มันยากที่จะบอกว่ากรณีนี้ก่อให้เกิดความเสียหาย ฉะนั้นต้องรับผิดในทางแพ่ง ทางอาญา มันยุ่งยากที่จะไปตีความว่าเป็นการกระทำโดยมิชอบคงไม่ได้ เพราะเป็นความเห็นทางกฎหมายที่แตกต่างกัน”

ที่มา ข่าวสด

53
ประเภทข่าวสาร:
เตือนภัย


องค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เตือนภัยแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ อาจมุ่งเป้าไปที่วัคซีนโควิด-19 ที่กำลังเป็นที่ต้องการทั่วโลกด้วยการผลิตวัคซีนปลอมออกจำหน่าย จนเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค

องค์กรตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในฝรั่งเศส แถลงเตือนภัยชาติสมาชิก 194 ประเทศทั่วโลก ให้ตื่นตัวและเฝ้าระวังการระบาดของวัคซีนโควิด-19 ปลอม ที่จะถูกลักลอบผลิตโดยแก๊งอาชญากรรมต่างๆ โดยอาจจะฉวยโอกาสในช่วงที่มีความต้องการวัคซีนโควิดจากทั่วโลก นำวัคซีนปลอมมาจำหน่ายทั่วไป รวมทั้งจำหน่ายผ่านทางออนไลน์

นายเจอร์เกน สต็อก เลขาธิการองค์การตำรวจสากล ระบุว่า ในขณะที่รัฐบาลหลายชาติกำลังเตรียมที่จะนำวัคซีนโควิด-19 มาใช้ องค์กรอาชญากรรมก็มีแผนที่จะแทรกซึมและเข้ามารบกวนในระบบสั่งซื้อวัคซีน นอกจากนี้ยังมีการมุ่งเป้าให้ข้อมูลข่าวสารปลอมเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ต่อประชาชนผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตื่นกลัว และอาจจะทำให้ประชาชนหาซื้อวัคซีนมาใช้เอง ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

โดยในเวลานี้หลายๆ ชาติกำลังเดินหน้าอนุมัติให้ใช้งานวัคซีนโควิด-19 จากหลายบริษัทยา นำร่องด้วยอังกฤษเป็นประเทศแรกในโลก หลังจากที่รัฐบาลเพิ่งอนุมัติวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผลิตโดย บริษัท ไฟเซอร์ และไบโอเอ็นเทคให้ใช้งานได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ชุดแรกในสัปดาห์หน้า.

ที่มา ข่าวไทยรัฐ

54
ประเภทข่าวสาร:
ทุกทิศทั่วไทย


นรข.มุกดาหาร แถลงผลการจับกุมชาวลาว 7 คน ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อจะเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ในช่วงเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19)

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บริเวณสถานีเรือมุกดาหาร นรข.เขตนครพนม โดย น.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณาเกษา ผบ.นรข.เขตนครพนม ร่วมแถลงผลการจับกุมชาวลาว จำนวน 7 คน สืบเนื่องจากรับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บริเวณบ้านนาสีนวน ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ น.ท.สิทธิศักดิ์ สิทธิกุล หน.สถานีเรือมุกดาหาร ได้จัดชุดลาดตระเวนเข้าตรวจสอบ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ตามที่ได้รับแจ้งมา พบเป็นราษฎรชาวลาวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 7 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 4 คน ประกอบด้วย

1. ท้าวพรชัย แก้วลำพร อายุ 21 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านป่าหนาม เมืองอุทุมพร แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

2. ท้าวบุญเอื้อ ศุภสัย อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านป่าหนาม เมืองอุทุมพร แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

3. ท้าวดวง ศรีสุข อายุ 20 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านผักขาส้มป้อย เมืองไกรสร แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

4. นางสาวพิสมัย ราชสุรินทร์ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเซโน เมืองอุทุมพร แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

5. นางน้อย (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 20 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านพลาญชัย เมืองพลาญ แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

6. นางปู (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านพลาญชัย เมืองพลาญ แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

7. นางบัวผัน (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ – ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านป่าหนาม เมืองอุทุมพร แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

เบื้องต้น สอบถามผู้ต้องหาสารภาพว่าได้พากันเดินทางลักลอบเข้าเมือง เพื่อจะเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ จึงควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมด มาดำเนินการสอบสวนและดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ด้าน น.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณเกษา ผบ.นรข.เขต นครพนม กล่าวว่า หน่วย นรข.ได้รับแจ้งว่าจะมีชาวลาวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ที่บริเวณดังกล่าว จึงนำกำลังไปสกัดกั้นสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวลาวได้จำนวน 7 คน ซึ่งการหลบหนีเข้าเมืองในยามปกติก็มีกฎหมายตามขั้นตอนอยู่แล้ว ในยามปัจจุบันประเทศไทยเราประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ควบคุมป้องกัน เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงส่งผลกระทบ ดังนั้นการดำเนินการจับกุมต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป

ที่มา ข่าวไทยรัฐ

55
ประเภทข่าวสาร:
เตือนภัย


อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวมีลมแรง ยอดดอย-ภูหนาวถึงหนาวจัดมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง ขอประชาชนบริเวณ "ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง" ดูแลสุขภาพด้วย ส่วน "ภาคใต้" มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ เตือนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก "อ่าวไทย-อันดามัน" คลื่นลมแรง ขอชาวเรือระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรง ยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่งในภาคเหนือ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่งและชาวเรือควรเดินเรือ ด้วยความระมัดระวัง รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 4 ธ.ค.63

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในระยะนี้ประเทศไทยตอนบนลมเริ่มแรงขึ้น ดังนั้นการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันจะน้อยลง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส ยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง โดยมีฝนตกเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก เมฆเป็นส่วนมาก กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อย ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีลมแรง โดยมีฝนตกเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ที่มา ข่าวไทยรัฐ

56
ประเภทข่าวสาร:
ข่าวอุบัติเหตุต่างๆ


หนุ่มรถพ่วงคอนเทนเนอร์ขนกระดาษจากราชบุรีจะไปส่งท่าเรือใน จ.สมุทรปราการถึงถนนราชพฤกษ์เกิดง่วงเลยจอดชิดซ้ายเปิดไฟฉุกเฉิน ทั้งๆที่เป็นจุดห้ามจอดรถ แต่นอนได้แค่ 10 นาที มี จยย.พุ่งชนท้ายตาย 2 ศพ เผยเหยื่อเคราะห์ร้ายเป็นหนุ่มพ่อค้าขายกับข้าวตลาดพรานนกกับลูกติดแฟนสาววัยแค่ 10 ขวบ

ความชุ่ยทำให้เกิดอุบัติเหตุ จยย.ชนท้ายรถพ่วงดับ 2 ศพครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 30 พ.ย. ร.ต.อ.บัญญัติ ชนะสิทธิ์ รอง สว. (สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน ไปสอบสวนเหตุรถ จยย.ชนท้ายรถพ่วงคอนเทนเนอร์ มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ หน้าร้านอาหารปลาอยู่เย็น ถนนราชพฤกษ์ขาเข้า แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. พบที่เกิดเหตุเป็นถนนช่องทางหลัก 4 เลน เลนซ้ายสุดพบรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ 22 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ รุ่น 500 สีขาว ทะเบียนส่วนหัว 70-5236 ราชบุรี ทะเบียนส่วนท้ายพ่วง 70-2905 ราชบุรี ท้ายรถด้านขวามีรอยยุบ ไฟเลี้ยวแตก ห่างไปประมาณ 2 เมตร พบรถ จยย.ยี่ห้อพีซีเอ็กซ์ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบศพนายธีรภัทร์ หรือแชมป์ รัสมี อายุ 27 ปี นอนหงาย มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้ายุบศีรษะแตก ข้างกันพบ ด.ญ.เพชรรัตน์ หรือน้องกิ๊ฟ ทองมี อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนวัดอัมพวา จรัญสนิทวงศ์ ใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนสีส้ม นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สภาพใบหน้ายุบเนื่องจากกระแทกท้ายรถบรรทุกอย่างแรง เบื้องต้นทั้งคู่ไม่สวมหมวกนิรภัย

สอบสวนนายอาคม คณากูล อายุ 29 ปี คนขับรถบรรทุกพ่วง ให้การว่าขับรถบรรทุกกระดาษมาจาก จ.ราชบุรี ไปส่งที่ท่าเรือใน จ.สมุทรปราการ ระหว่างนั้นเกิดง่วงจึงจอดรถนอนริมทาง โดยเปิดไฟผ่าหมากไว้ แต่เมื่อจอดได้ 10 นาที ได้ยินเสียงดังสนั่นเหมือนถูกชนท้าย ลงมาดูเห็นรถ จยย.ล้ม และมีผู้เสียชีวิต รีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่

ต่อมา น.ส.สายพิณ กลีบบัว อายุ 27 ปี แฟนสาวนายธีรภัทร์ และเป็นแม่ของ ด.ญ.เพชรรัตน์ มาดูศพผู้ตายทั้งคู่ที่ สน.ตลิ่งชัน ถึงกับร้องไห้โฮเป็นลมล้มพับหลายตลบ หลังได้สติให้ข้อมูลว่า ตนกับแฟนหนุ่มขายกับข้าวที่ตลาดพรานนก เมื่อช่วงเที่ยงนายธีรภัทร์ พา ด.ญ.เพชรรัตน์ ลูกสาวที่เกิดกับสามีเก่า ขี่รถ จยย.ออกจากบ้านย่านพรานนก ไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าขากลับแฟนมองไม่เห็นรถบรรทุกจอดอยู่ ทำให้พุ่งชนท้ายจนเสียชีวิตทั้งคู่

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้เชิญตัว นายอาคม โชเฟอร์รถบรรทุกมาสอบปากคำที่โรงพัก เพื่อรอการแจ้งข้อหา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นจุดห้ามจอดรถ ส่วนศพผู้ตายทั้ง 2 ราย มอบให้แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช นำไปผ่าชันสูตรอย่างละเอียดรอการมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ที่มา ข่าวไทยรัฐ

57
ประเภทข่าวสาร:
ทุกทิศทั่วไทย


191 ซุ่มจับ 2 หนุ่มสาวคาปั๊มน้ำมันย่านพระราม 2 หลังขับเก๋งยาริสจากพัทลุง มารับยาบ้า 1 ล้านเม็ดจะขนลงไปส่งเครือข่ายภาคใต้ บิ๊กราญ-พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. เผยเป็นการขยายผลจากการจับกุม 3 ผู้ต้องหาได้พร้อมยาบ้า 1 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 15 กก. จากย่านบางบัวทองเมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

191 จับอีก 2 หนุ่มสาวขนยาบ้าซุกยาริส 1 ล้านเม็ด ล่องใต้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 (บก.สปพ.) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. แถลงข่าว พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.อัครพล โทยะ พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร รอง ผกก.สายตรวจ 191 ร่วมกันจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดลงใต้ จับกุมผู้ต้องหา 2 คน ยาบ้า 1 ล้านเม็ด จับได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนพระราม 2 กม.12 ขาออก แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.

พล.ต.ต.สำราญกล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค.63 ตำรวจ 191 จับกุมผู้ต้องหา 3 คนพร้อมยาบ้า 1,000,195 เม็ด ยาไอซ์ 15 กก. ได้ที่บ้านเลขที่ 125/29 หมู่ 4 หมู่บ้านสุภานัน ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จากนั้นขยายผลต่อจนทราบว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายดังกล่าวจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางสู่ภาคใต้ ต่อมาวันที่ 28 พ.ย.ได้สืบสวนจนพบว่าเครือข่ายยาบ้ากลุ่มนี้จะใช้รถเก๋งโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน กอ 5037 นครศรีธรรมราช ขนยาเสพติดเพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้าในภาคใต้ ได้วางกำลังเฝ้าอยู่บริเวณด่านบางขุนเทียน ถนนพระราม 2 กระทั่งพบนายวีระศักดิ์ เจ็ดหุ้น อายุ 28 ปี และ น.ส.จุฑารัตน์ แดงน้อย อายุ 28 ปี นั่งมาในรถคันดังกล่าว ขับผ่านด่าน ตามไปสกัดจับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.ถนนพระราม 2 ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้า 1 ล้านเม็ด สอบสวนรับสารภาพขับรถมาจาก จ.พัทลุง ได้ค่าจ้างขน 5 หมื่นบาท เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต

พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า นายวีระศักดิ์ได้รับว่าจ้างขนยาเสพติดมา 2-3 เดือน รับค่าจ้างครั้งละ 5 หมื่นบาท โดยขนจากทางภาคเหนือลงสู่ภาคใต้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เพราะตรวจสอบประวัตินายวีระศักดิ์เคยถูกจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้ว 4 ครั้ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะขยายผลตรวจสอบ อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดต่อไป ส่วนกรณีที่นายวีระศักด์เคยปรากฏเป็นข่าวว่าถูกตำรวจ สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ 4 นาย ยัดยาบ้า 1 เม็ด ก่อนร้องเรียนขอความเป็นธรรม เป็นเรื่องที่ต้องให้ความเป็นธรรมเนื่องจากเป็นคนละส่วนกับคดีนี้

ที่มา ข่าวไทยรัฐ

58
ประเภทข่าวสาร:


หนุ่มโรงงานสุดเฮง ถูกรางวัลที่ 1 แถมรางวัลข้างเคียง เลขหน้า-เลขท้าย รับ 6 ล้านกว่า
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ได้แก่หมายเลข 100994 และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว หมายเลข 84 โดยพบว่า ผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลในงวดนี้ มีชาวอุทัยธานี รับโชคใหญ่ถูกรางวัลที่ 1 ถึง 2 ราย โดยรายแรกคือ นายประจักษ์ เถื่อนแอ้น พนักงานตะกาวลูกหีบ โรงงานน้ำตาลลิน ในพื้นที่ ตำบลทัพหลวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 จำนวน 1 ใบ พร้อมกับรางวัลใกล้เคียง จำนวน 1 ใบ แถมยังถูก รางวัล 3 ตัวหน้า และรางวัล 3 ตัวท้าย รวมทั้งหมด 5 ใบ รวมเป็นเงินรางวัล 6,112,000 บาท สร้างความดีใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก

ส่วนผู้โชคดีอีกราย คือ นางสาวสุคนธรัตน์ พิทักษ์ อายุ 51 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 2 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ได้เดินทางมาแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจภูธรเมืองอุทัยธานี ว่าตนเองได้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 จำนวน 1 ใบ มูลค่า 6,000,000 ล้านบาท ด้วย



ที่มา : มติชน

59
ประเภทข่าวสาร:
ทุกทิศทั่วไทย


ตะลึงทั้งงาน! จู่ๆ วิทยา คุณปลื้ม วูบกลางเวทีแสดงวิสัยทัศน์ นายก อบจ.ชลบุรี โชคดีผู้สมัครเบอร์ 3 คว้าไว้ได้ทัน ก่อนหัวฟาดโพเดียม หามส่ง ร.พ.ด่วน

เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 1 ธ.ค.63 ที่ลานจอดรถหน้าคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา อ.เมือง จ.ชลบุรี ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา ได้มีการจัดการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ชลบุรี

โดยมีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งประกอบไปด้วย นายวิทยา คุณปลื้ม หัวหน้ากลุ่มเรารักชลบุรี เบอร์ 1 น.ส.พลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง หรือน้องจูน หัวหน้ากลุ่มคณะก้าวหน้าเปลี่ยนชลบุรี เบอร์ 2 นายสรายุทธ วงษ์แสงทอง หัวหน้ากลุ่มชลบุรีก้าวหน้า เบอร์ 3 และ นายสภา พละวารี อิสระ เบอ


ช่วงที่ ผศ.ดร.โอฬาร กำลังชี้แจงในเรื่องกฎระเบียบการแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย หลังจากนั้นได้เชิญ นายวิทยา ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์เป็นคนแรก ปรากฏว่าช่วงที่เดินไปที่จุดแสดงวิสัยทัศน์ นายวิทยา เกิดเป็นลมวูบลงกับพื้น ซึ่ง นายสรายุทธ เข้าไปช่วยได้ทันก่อนที่ศีรษะจะกระแทกกับโพเดียม

หลังจากนั้นอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ ได้ช่วยกันปฐมพยาบาลและรีบนำส่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพาทันที โดยมีบรรดาคนสนิทมิตรสหายไปเยี่้ยมกันแน่นโรงพยาบาลดังกล่าว ส่วนการแสดงวิสัยทัศน์ต้องเลิกการคัน เพราะผู้แสดงวิสัยทัศน์ไม่ครบ และขอเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด

จากการสอบถาม นายสรายุทธ ทราบว่า ก่อนที่จะแสดงวิสัยทัศน์ได้มีการประชุมเกี่ยวกับกฎกติกาพบว่า นายวิทยา มีอาการวิตกกังวล และคุยกันว่าไม่ได้นอนมาแล้วหลายคืน ประกอบกับมีอาการหน้าซีด ไม่คิดว่าจะมาเป็นลมช่วงที่จะแสดงวิสัยทัศน์ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเลื่อนออกไป ก็ฝากให้ประชาชนมาร่วมฟังการแสดงวิสัยทัศน์กันใหม่ในคราวหน้า

ที่มา : ข่าวสด

60
ประเภทข่าวสาร:
ทุกทิศทั่วไทย


สถานการณ์น้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ ส่งผลกระทบจ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา นราธิวาส และสุราษฎร์ธานี ประชาชนเดือดร้อนกว่า 33,000 ครัวเรือน ล่าสุดศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก แจ้งเตือนช่วงวันที่ 1-4 ธ.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก จะได้รับผลกระทบจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเข้าปกคลุม และหย่อมความกดอากาศต่ำ ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่

ก่อนหน้านั้น รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้แสดงความเป็นห่วงพื้นที่ภาคใต้จะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก จนเกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะปีนี้เกิดปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้ต้องเฝ้าระวังในปีหน้า ประเมินสภาพน้ำ เนื่องจากสภาพอากาศปีนี้คล้ายกับปี 2553 ที่เกิดลานีญา เคยเกิดน้ำท่วมในภาคใต้ ก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศในปี 2554



รศ.ดร.เสรี กล่าวย้ำอีกครั้งกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ว่า ขณะนี้ภาคใต้มีความเสี่ยงสูง ตามที่เคยประเมินมาก่อนหน้านี้ โดยวันที่ 2 ธ.ค. จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งเป็นห่วงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากมีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และต้องยอมรับว่าการเตือนภัยเฉพาะจุดยังมีช่องโหว่ คาดว่าในช่วงวันที่ 5-6 ธ.ค. สถานการณ์จะคลี่คลายลง แต่ต้องจับตาดูสัปดาห์ต่อสัปดาห์ เพราะอย่างที่เคยบอกหลายครั้งพื้นที่ภาคใต้ ต้องจับตาในระยะยาว



นอกจากนี้ในช่วงเดือนม.ค.จนถึงเม.ย.ปีหน้า ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ และหลังจากนั้นจะมีความเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เนื่องจากปีหน้าน้ำจะมากในช่วงหน้าฝน และน้ำจะมาเร็วกว่าปกติ เหมือนปี 2554 ทำให้ขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 แต่สถานการณ์น้ำท่วมอาจไม่ใหญ่เท่าปี 2554 ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการน้ำ หากฝนตกภาคเหนือ และตกใต้เขื่อน จะทำให้น้ำมีปริมาณมาก อาจทำให้น้ำเหนือไหลเข้ามาสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างกรณีน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เพราะฉะนั้นปีหน้าต้องระวังเป็นอย่างมาก.

ที่มา : ข่าวไทยรัฐ

หน้า: 1 2 [3] 4 5 6