21
โปรโมท โฆษณาประชาสัมพันธ์ / Re: จำหน่ายสินค้าแม่และเด็ก
« เมื่อ: 24 มิถุนายน 2564, 10:23:19 pm »
พัฒนาการทารกแต่ละช่วงวัย ตอนที่ 3
วันนี้ www.baby8slot.com แหล่งรวมสินค้าแม่และเด็ก ของใช้เด็ก รถเข็นเด็ก คาร์ซีท ของเล่นเสริมพัฒนาการ ของเรามีบทความที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
มีปฏิกิริยาต่อถ้อยคำที่คุ้นเคย โดยเด็กอาจหยุดหรือจ้องหน้าแม่ หากได้ยินคำว่า “ไม่” รวมทั้งหันมองเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง
แยกอารมณ์ความรู้สึกได้จากการฟังน้ำเสียง
เริ่มเปล่งเสียงพูดคำว่า “พ่อ” หรือ “แม่” ได้
รู้จักเรียนรู้การใช้สิ่งของต่าง ๆ
พัฒนาการด้านสังคม
เล่นเกมที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น เล่นจ๊ะเอ๋
กังวลเมื่อต้องอยู่กับคนแปลกหน้า เด็กจะไม่อยากอยู่กับคนอื่นนอกจากแม่ หรือจะหาทางหนีไปที่อื่นหากรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่ใกล้ ๆ
มีปฏิกิริยาต่ออารมณ์ความรู้สึกที่พ่อแม่แสดงออกมา
วิธีดูแลพัฒนาการทารก ทารกในช่วงวัยนี้ยังคงเรียนรู้และเล่นกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไปพร้อมกัน พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงควรดูแลทารกเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก ดังนี้
ควรพูดคุยกับเด็กเรื่อย ๆ โดยเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง และรอให้เด็กส่งเสียงโต้ตอบกลับมา หรือพูดบางอย่างและให้เด็กพูดตาม
หาเวลาเล่นกับเด็ก โดยอาจเล่นอย่างอื่นนอกเหนือจากการเล่นที่เคยเล่นมา เช่น เรียงตัวต่อซ้อนขึ้นเป็นชั้นแล้วให้เด็กพังตัวต่อนั้น รวมทั้งให้เด็กเล่นของเล่นที่เสริมสร้างจินตนาการ เช่น ระบายสีหรือละเลงอาหารบนถาดที่เตรียมไว้
อ่านหนังสือให้เด็กฟัง โดยเปลี่ยนน้ำเสียงและแสดงสีหน้าออกมาให้แตกต่างกัน เพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางภาษาของเด็ก รวมทั้งเก็บหนังสือไว้ในที่ที่เด็กหยิบได้ เพื่อให้เด็กหยิบหนังสือมาดูภาพเพื่อผ่อนคลายความเครียด
เปิดเพลงหรือดนตรีเบาๆให้เด็กฟัง เพื่อให้เด็กผ่อนคลายและรู้สึกเพลิดเพลิน
หาสิ่งของที่นุ่ม ปลอดภัย เพื่อให้เด็กรู้สึกอุ่นใจที่มีของสิ่งนั้นอยู่ด้วยในกรณีที่ต้องห่างจากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยง หรือยามที่เด็กรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ความผิดปกติทางพัฒนาการ พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงควรหมั่นสังเกตการแสดงออกของทารกว่าเกิดความผิดปกติใด ๆ ขึ้นหรือไม่ โดยความผิดปกติเกี่ยวกับพัฒนาการของทารกในช่วงวัย 7-9 เดือน มีดังนี้
ไม่กลิ้งตัวหมุน หรือไม่ลุกขึ้นนั่ง
ไม่เอื้อมไปหยิบสิ่งของ หรือไม่หยิบสิ่งของเข้าปาก
ไม่ตอบสนองต่อเสียงหรือภาพใดๆ
ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ หรือเลียนแบบเสียงใด ๆ
ช่วงวัย 10-12 เดือน ช่วงสุดท้ายของพัฒนาการทารกในช่วง 1 ปีแรกนี้ นับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของทารก เนื่องจากทารกอายุ 10-12 เดือน กำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นเด็กเล็กหัดเดินได้ ทารกจะมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ดังนี้
พัฒนาการทางร่างกาย
เกาะราวและลุกขึ้นยืนได้เอง และอาจเดินก้าวแรกได้ด้วย โดยเด็กจะก้าวได้เองเมื่ออายุครบ 12 เดือน
เริ่มเดินเตาะแตะเพื่อสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ไปทั่วบ้าน
ปีนป่ายตามเก้าอี้หรือโต๊ะ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเดินของเด็ก
วางของเล่นเรียงซ้อนกัน
เปิดหนังสือไปหน้าอื่นขณะที่พ่อแม่กำลังอ่านอยู่
มักช่วยพ่อแม่แต่งตัวให้ตัวเอง
เริ่มหยิบอาหารกินเอง
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
ส่งเสียงอ้อแอ้และพูดคำง่าย ๆ ได้ เช่น คำว่า “หม่ำ ๆ” “มามา” “ปาปา” หรือ “ดาดา” ได้
มักพูดคำที่พูดได้บ่อยอยู่ 2-3 คำ ซึ่งมักเป็นคำว่า “หม่ำ ๆ” “มามา” และ “ปาปา”
เลียนแบบการกระทำของผู้ใหญ่ เช่น หวีผมตัวเอง กดรีโมตเล่น หรือทำเป็นคุยโทรศัพท์ เป็นต้น
ชี้ไปที่สิ่งของที่อยากได้เพื่อให้พ่อแม่สนใจ
เข้าใจประโยคบางประโยคที่คนใกล้ชิดสื่อสารออกมา รวมทั้งทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้
เปล่งเสียงอุทานออกมาได้
โบกไม้โบกมือ หรือชี้นิ้วไปยังสิ่งของที่อยู่เกินเอื้อม
พัฒนาการด้านสังคม
รู้จักแสดงความรู้สึกว่าชอบหรือไม่ชอบกินอะไร เช่น ทิ้งช้อนไม่กินข้าวต่อ หรือเลื่อนจานอาหารที่ไม่ชอบออกไป
ชอบเล่นเลียนแบบผู้ใหญ่ เช่น เลียนแบบการคุยโทรศัพท์
รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์ เช่น เด็กจะรู้ได้ว่าหากร้องไห้ แม่จะมาหา
วิธีดูแลพัฒนาการทารก ทารกช่วงวัยนี้เริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงควรดูแลความปลอดภัยและกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของทารกควบคู่กันไป โดยทำได้ ดังนี้
ควรจัดสรรเวลาสำหรับอ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกวัน โดยอาจใช้เวลาอ่านหนังสือไม่นาน ทั้งนี้ ควรแสดงสีหน้าหรือแสดงน้ำเสียงประกอบการอ่านให้น่าสนใจ
ควรพูดคุยกับเด็กอยู่เสมอ เช่น เมื่อเด็กเอื้อมมือไปหยิบหนังสือลงมาจากชั้นวางหนังสือ อาจถามหรือพูดคุยกับเด็ก โดยเว้นช่วงให้เด็กส่งเสียงโต้ตอบกลับมา หรือถามคำถามเด็กเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ
ทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งซ้ำมากกว่ารอบเดียว เช่น เรียงตัวต่อให้เด็กพังลงมา แล้วเรียงใหม่เพื่อให้เด็กพังลงมาอีกรอบ หรือหากเด็กเปิดหนังสือย้อนกลับไปหน้าที่ผ่านมาแล้ว ก็อ่านหนังสือหน้านั้นให้เด็กฟังอีกครั้ง การทำอะไรซ้ำ ๆ เช่นนี้้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ตัวเด็ก รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับเด็กให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
เปิดเพลงหรือดนตรีคลอเบา ๆ เพื่อให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย
สอนให้เด็กรู้จักคำง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งของรอบตัว
ควรดูแลเด็กไม่ให้เข้าใกล้เหตุการณ์หรือสิ่งที่เป็นอันตราย รวมทั้งห้ามปรามเมื่อเด็กทำตัวไม่เหมาะสม โดยอธิบายอย่างใจเย็นและดึงความสนใจเด็กด้วยของเล่นหรือสิ่งที่เด็กชอบ
ความผิดปกติทางพัฒนาการ อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงพบสัญญาณที่แสดงความผิดปกติทางด้านพัฒนาการ ควรปรึกษาแพทย์ทันที ซึ่งความผิดปกติเกี่ยวกับพัฒนาการของทารก มีดังนี้
ไม่คลานหรือใช้ลำตัวด้านใดด้านหนึ่งไถไปขณะคลาน
ไม่ยืนแม้พ่อแม่จะช่วยก็ตาม
ไม่แสดงท่าทางต่าง ๆ เช่น ไม่โบกมือหรือส่ายศีรษะ
ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ หรือพยายามพูดคำว่า “มามา” หรือ “ปาปา”
ไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
ไม่ประสานสายตาด้วย
วิธีดูแลความปลอดภัยของทารก
พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทารก และดูแลทารกให้ปลอดภัยได้ โดยวิธีดูแลทารกให้ปลอดภัยทำได้ ดังนี้
ไม่เขย่าตัวทารก เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อสมองหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต
ควรให้เด็กนอนหลับในท่านอนหงาย เพื่อป้องกันภาวะเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (Sudden Infant Death Syndrome: SIDS)
ไม่ควรให้เด็กได้รับอันตรายจากควันบุหรี่จากคนที่สูบบุหรี่
ควรให้เด็กนั่งเบาะหลังโดยใช้ที่นั่งสำหรับเด็กทารกโดยเฉพาะเมื่อต้องโดยสารรถยนต์
ควรตัดอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเลี่ยงให้เด็กกินผลไม้ที่มีเมล็ดหรือถั่วต่าง ๆ เพื่อป้องกันไอาหารติดคอ รวมทั้งไม่ให้เด็กเล่นของเล่นที่มีชิ้นส่วนเล็ก ๆ เพื่อป้องกันเด็กเอาเข้าปากและกลืนลงคอ
ไม่ถือของร้อนเข้าใกล้เด็ก
ควรพาเด็กไปรับวัคซีนป้องกันโรคให้ครบอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจากเวป pobpad.com
สามารถติดตามอ่านบทความอื่นของ www.baby8slot.com แหล่งรวมสินค้าแม่และเด็ก ของใช้เด็ก รถเข็นเด็ก คาร์ซีท ของเล่นเสริมพัฒนาการ
วันนี้ www.baby8slot.com แหล่งรวมสินค้าแม่และเด็ก ของใช้เด็ก รถเข็นเด็ก คาร์ซีท ของเล่นเสริมพัฒนาการ ของเรามีบทความที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
มีปฏิกิริยาต่อถ้อยคำที่คุ้นเคย โดยเด็กอาจหยุดหรือจ้องหน้าแม่ หากได้ยินคำว่า “ไม่” รวมทั้งหันมองเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง
แยกอารมณ์ความรู้สึกได้จากการฟังน้ำเสียง
เริ่มเปล่งเสียงพูดคำว่า “พ่อ” หรือ “แม่” ได้
รู้จักเรียนรู้การใช้สิ่งของต่าง ๆ
พัฒนาการด้านสังคม
เล่นเกมที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น เล่นจ๊ะเอ๋
กังวลเมื่อต้องอยู่กับคนแปลกหน้า เด็กจะไม่อยากอยู่กับคนอื่นนอกจากแม่ หรือจะหาทางหนีไปที่อื่นหากรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่ใกล้ ๆ
มีปฏิกิริยาต่ออารมณ์ความรู้สึกที่พ่อแม่แสดงออกมา
วิธีดูแลพัฒนาการทารก ทารกในช่วงวัยนี้ยังคงเรียนรู้และเล่นกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไปพร้อมกัน พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงควรดูแลทารกเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก ดังนี้
ควรพูดคุยกับเด็กเรื่อย ๆ โดยเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง และรอให้เด็กส่งเสียงโต้ตอบกลับมา หรือพูดบางอย่างและให้เด็กพูดตาม
หาเวลาเล่นกับเด็ก โดยอาจเล่นอย่างอื่นนอกเหนือจากการเล่นที่เคยเล่นมา เช่น เรียงตัวต่อซ้อนขึ้นเป็นชั้นแล้วให้เด็กพังตัวต่อนั้น รวมทั้งให้เด็กเล่นของเล่นที่เสริมสร้างจินตนาการ เช่น ระบายสีหรือละเลงอาหารบนถาดที่เตรียมไว้
อ่านหนังสือให้เด็กฟัง โดยเปลี่ยนน้ำเสียงและแสดงสีหน้าออกมาให้แตกต่างกัน เพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางภาษาของเด็ก รวมทั้งเก็บหนังสือไว้ในที่ที่เด็กหยิบได้ เพื่อให้เด็กหยิบหนังสือมาดูภาพเพื่อผ่อนคลายความเครียด
เปิดเพลงหรือดนตรีเบาๆให้เด็กฟัง เพื่อให้เด็กผ่อนคลายและรู้สึกเพลิดเพลิน
หาสิ่งของที่นุ่ม ปลอดภัย เพื่อให้เด็กรู้สึกอุ่นใจที่มีของสิ่งนั้นอยู่ด้วยในกรณีที่ต้องห่างจากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยง หรือยามที่เด็กรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ความผิดปกติทางพัฒนาการ พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงควรหมั่นสังเกตการแสดงออกของทารกว่าเกิดความผิดปกติใด ๆ ขึ้นหรือไม่ โดยความผิดปกติเกี่ยวกับพัฒนาการของทารกในช่วงวัย 7-9 เดือน มีดังนี้
ไม่กลิ้งตัวหมุน หรือไม่ลุกขึ้นนั่ง
ไม่เอื้อมไปหยิบสิ่งของ หรือไม่หยิบสิ่งของเข้าปาก
ไม่ตอบสนองต่อเสียงหรือภาพใดๆ
ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ หรือเลียนแบบเสียงใด ๆ
ช่วงวัย 10-12 เดือน ช่วงสุดท้ายของพัฒนาการทารกในช่วง 1 ปีแรกนี้ นับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของทารก เนื่องจากทารกอายุ 10-12 เดือน กำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นเด็กเล็กหัดเดินได้ ทารกจะมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ดังนี้
พัฒนาการทางร่างกาย
เกาะราวและลุกขึ้นยืนได้เอง และอาจเดินก้าวแรกได้ด้วย โดยเด็กจะก้าวได้เองเมื่ออายุครบ 12 เดือน
เริ่มเดินเตาะแตะเพื่อสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ไปทั่วบ้าน
ปีนป่ายตามเก้าอี้หรือโต๊ะ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเดินของเด็ก
วางของเล่นเรียงซ้อนกัน
เปิดหนังสือไปหน้าอื่นขณะที่พ่อแม่กำลังอ่านอยู่
มักช่วยพ่อแม่แต่งตัวให้ตัวเอง
เริ่มหยิบอาหารกินเอง
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
ส่งเสียงอ้อแอ้และพูดคำง่าย ๆ ได้ เช่น คำว่า “หม่ำ ๆ” “มามา” “ปาปา” หรือ “ดาดา” ได้
มักพูดคำที่พูดได้บ่อยอยู่ 2-3 คำ ซึ่งมักเป็นคำว่า “หม่ำ ๆ” “มามา” และ “ปาปา”
เลียนแบบการกระทำของผู้ใหญ่ เช่น หวีผมตัวเอง กดรีโมตเล่น หรือทำเป็นคุยโทรศัพท์ เป็นต้น
ชี้ไปที่สิ่งของที่อยากได้เพื่อให้พ่อแม่สนใจ
เข้าใจประโยคบางประโยคที่คนใกล้ชิดสื่อสารออกมา รวมทั้งทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้
เปล่งเสียงอุทานออกมาได้
โบกไม้โบกมือ หรือชี้นิ้วไปยังสิ่งของที่อยู่เกินเอื้อม
พัฒนาการด้านสังคม
รู้จักแสดงความรู้สึกว่าชอบหรือไม่ชอบกินอะไร เช่น ทิ้งช้อนไม่กินข้าวต่อ หรือเลื่อนจานอาหารที่ไม่ชอบออกไป
ชอบเล่นเลียนแบบผู้ใหญ่ เช่น เลียนแบบการคุยโทรศัพท์
รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์ เช่น เด็กจะรู้ได้ว่าหากร้องไห้ แม่จะมาหา
วิธีดูแลพัฒนาการทารก ทารกช่วงวัยนี้เริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงควรดูแลความปลอดภัยและกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของทารกควบคู่กันไป โดยทำได้ ดังนี้
ควรจัดสรรเวลาสำหรับอ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกวัน โดยอาจใช้เวลาอ่านหนังสือไม่นาน ทั้งนี้ ควรแสดงสีหน้าหรือแสดงน้ำเสียงประกอบการอ่านให้น่าสนใจ
ควรพูดคุยกับเด็กอยู่เสมอ เช่น เมื่อเด็กเอื้อมมือไปหยิบหนังสือลงมาจากชั้นวางหนังสือ อาจถามหรือพูดคุยกับเด็ก โดยเว้นช่วงให้เด็กส่งเสียงโต้ตอบกลับมา หรือถามคำถามเด็กเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ
ทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งซ้ำมากกว่ารอบเดียว เช่น เรียงตัวต่อให้เด็กพังลงมา แล้วเรียงใหม่เพื่อให้เด็กพังลงมาอีกรอบ หรือหากเด็กเปิดหนังสือย้อนกลับไปหน้าที่ผ่านมาแล้ว ก็อ่านหนังสือหน้านั้นให้เด็กฟังอีกครั้ง การทำอะไรซ้ำ ๆ เช่นนี้้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ตัวเด็ก รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับเด็กให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
เปิดเพลงหรือดนตรีคลอเบา ๆ เพื่อให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย
สอนให้เด็กรู้จักคำง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งของรอบตัว
ควรดูแลเด็กไม่ให้เข้าใกล้เหตุการณ์หรือสิ่งที่เป็นอันตราย รวมทั้งห้ามปรามเมื่อเด็กทำตัวไม่เหมาะสม โดยอธิบายอย่างใจเย็นและดึงความสนใจเด็กด้วยของเล่นหรือสิ่งที่เด็กชอบ
ความผิดปกติทางพัฒนาการ อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงพบสัญญาณที่แสดงความผิดปกติทางด้านพัฒนาการ ควรปรึกษาแพทย์ทันที ซึ่งความผิดปกติเกี่ยวกับพัฒนาการของทารก มีดังนี้
ไม่คลานหรือใช้ลำตัวด้านใดด้านหนึ่งไถไปขณะคลาน
ไม่ยืนแม้พ่อแม่จะช่วยก็ตาม
ไม่แสดงท่าทางต่าง ๆ เช่น ไม่โบกมือหรือส่ายศีรษะ
ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ หรือพยายามพูดคำว่า “มามา” หรือ “ปาปา”
ไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
ไม่ประสานสายตาด้วย
วิธีดูแลความปลอดภัยของทารก
พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทารก และดูแลทารกให้ปลอดภัยได้ โดยวิธีดูแลทารกให้ปลอดภัยทำได้ ดังนี้
ไม่เขย่าตัวทารก เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อสมองหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต
ควรให้เด็กนอนหลับในท่านอนหงาย เพื่อป้องกันภาวะเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (Sudden Infant Death Syndrome: SIDS)
ไม่ควรให้เด็กได้รับอันตรายจากควันบุหรี่จากคนที่สูบบุหรี่
ควรให้เด็กนั่งเบาะหลังโดยใช้ที่นั่งสำหรับเด็กทารกโดยเฉพาะเมื่อต้องโดยสารรถยนต์
ควรตัดอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเลี่ยงให้เด็กกินผลไม้ที่มีเมล็ดหรือถั่วต่าง ๆ เพื่อป้องกันไอาหารติดคอ รวมทั้งไม่ให้เด็กเล่นของเล่นที่มีชิ้นส่วนเล็ก ๆ เพื่อป้องกันเด็กเอาเข้าปากและกลืนลงคอ
ไม่ถือของร้อนเข้าใกล้เด็ก
ควรพาเด็กไปรับวัคซีนป้องกันโรคให้ครบอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจากเวป pobpad.com
สามารถติดตามอ่านบทความอื่นของ www.baby8slot.com แหล่งรวมสินค้าแม่และเด็ก ของใช้เด็ก รถเข็นเด็ก คาร์ซีท ของเล่นเสริมพัฒนาการ