หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อเงินสด หนี้เงินกู้ ถูกฟ้อง ปรึกษาทนายเจตน์...ด่วน !!!
Khaset108@gmail.com
www.khaset108.com
เข้าระบบ
สมัครสมาชิก
ลงประกาศฟรี
ติดต่อเรา
Toggle navigation
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
Search posts
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบสมาชิก
×
เข้าสู่ระบบ
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เกษตร สมุนไพร ข่าวเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงปลา ประมง ปศุสัตว์ การเกษตร เกษตรร้อยแปดดอทคอม
เว็บบอร์ดเกษตร การเกษตร ข่าวสาร สมุนไพร ตลาดซื้อขายสินค้าฟรี 24 ชั่วโมง
ตลาดซื้อขายสินค้า โปรโมทลงโฆษณาฟรี
โปรโมท โฆษณาประชาสัมพันธ์
หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อเงินสด หนี้เงินกู้ ถูกฟ้อง ปรึกษาทนายเจตน์...ด่วน !!!
ข่าวใหม่ล่าสุด
เทสโก้ โลตัส หนุนพื้นที่ฟรี เปิดศูนย์ฝึกอาชีพแก่ประชาชน เสริมแรงง...
การเกษตร
ข่าวสาร บทความ ภูมิปัญญาเกษตรและอื่นๆ
หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อเงินสด หนี้เงินกู้ ถูกฟ้อง ปรึกษาทนายเจตน์...ด่วน !!!
0 ตอบ
75 อ่าน
«
jetsaridlawyer
»เมื่อ:
14 ธันวาคม 2566, 05:28:15 pm »
ถูกฟ้องคดี หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อเงินสด หนี้เงินกู้
ควรรีบปรึกษาทนายเจตน์ ส่งคำฟ้องมาให้ช่วยดูโดยด่วน
1. เพื่อจะดูข้อต่อสู้เรื่องอายุความ หรือ
2. เพื่อจะดูข้อต่อสู้เรื่องไม่มีอำนาจฟ้อง หรือ
3. เพื่อขอเจรจาผ่อนชำระ หากไม่มีทางสู้ตามข้อ 1 และ 2
การไปศาลโดยไม่มีทนาย หรือ ไม่ปรึกษาทนาย เท่ากับเสียเปรียบเจ้าหนี้ไปครึ่งทางแล้ว
คดีแพ่ง
ถึงแม้ว่าหนี้จะขาด
อายุความ
แล้ว เจ้าหนี้ก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/9 ที่บัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องใดๆ ถ้ามิได้บังคับภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด สิทธิเรียกร้องนั้นเป็นอันขาดอายุความ” และ ป.พ.พ. มาตรา 193/10 “สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความ ลูกหนี้มีสิทธิที่จะปฏิเสธการชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นได้”
การที่สิทธิเรียกร้อง หรือ หนี้ขาดอายุความ
เป็นเพียงเหตุให้ลูกหนี้ปฎิเสธการชำระหนี้ได้เท่านั้น ไม่เป็นเหตุให้ทำให้หนี้นั้นระงับแต่อย่างใด เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิที่จะฟ้องร้องได้เสมอ โดย
ศาลไม่มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องได้
เมื่อถูกธนาคารหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ฟ้อง
ลูกหนี้ต้องยกเหตุที่ขาดอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ เพื่อปฎิเสธการชำระหนี้ตามฟ้อง ถ้าลูกหนี้ไม่ยกเหตุขาดอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ไม่ว่าจะเพราะเหตุใดก็ตาม ศาลก็ไม่อาจยกเอาเหตุหนี้ขาดอายุความยกเป็นเหตุให้ยกฟ้องได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/29 ที่บัญญัติว่า “เมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้”
ดังนั้น หนี้ที่ขาดอายุความ ไม่เป็นเหตุให้หนี้ระงับแต่อย่างใด
แต่ถ้ายังเป็นหนี้กันอยู่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี แม้จะขาดอายุความหากยังไม่ชำระหนี้ให้แล้วเสร็จ ก็ยังคงเป็นหนี้กันตลอดไป
–
หนี้บัตรเครดิต
มีอายุความ 2 ปี
–
หนี้เบิกเงินเกินบัญชี
เป็นสินเชื่อประเภท (OD) กับ บัญชีเดินสะพัด
มีอายุความ 10 ปี
–
หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล
มีอายุความ 5 ปี
–
หนี้บัตรกดเงินสด / สินเชื่อเงินสด
มีอายุความ 10 ปี
(ไม่มีลักษณะเป็นการออกเงินทดรอง) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9043/2554 และ ฎีกา 2922/2561
–
หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ
มีอายุความ 2 ปี
– ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ
อายุความ 2 ปี
– ค่าเสียหายจากการที่ผู้เช่าซื้อใช้ทรัพย์สิน
อายุความ 6 เดือน
– ค่าขาดราคา ค่าขาดประโยชน์ ค่าติดตาม เรียกให้ส่งคืนหรือใช้ราคาแทน
อายุความ 10 ปี
– การฟ้องติดตามเอารถนต์คืน ไม่มีอายุความ
–
หนี้ตามสัญญากู้ยืม
ที่มีการผ่อนต้นคืนพร้อมดอกบี้ยเป็นงวด ๆ
มีอายุความ 5 ปี
1. ลูกหนี้ไม่มาชำระหนี้เลยนับแต่วันครบกำหนดชำระในงวดแรก การนับระยะเวลาเป็นวัน สัปดาห์ เดือน ปี มิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมเข้าด้วยกัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/3 วรรคสอง ดังนั้น อายุความในการฟ้องคดีจะเริ่มนับถัดจากวันที่ผิดนัดชำระหนี้งวดแรก และจะสิ้นสุดเมื่อครบกำหนด 5 ปี
2. ลูกหนี้ที่มาชำระหนี้บางส่วน ไม่ว่าจะเป็นเงินต้น ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยผิดนัด หรือ เบี้ยปรับ (ถ้ามี) อายุความในการฟ้องคดี ย่อมสะดุดหยุดลง และเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใดให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้น คำว่า “ให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้น” หมายถึงให้เริ่มนับอายุความใหม่ในวันถัดจากวันที่ได้มีการกระทำอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 และมาตรา 193/15 โดยเริ่มนับอายุความใหม่ตามอายุความของมูลหนี้เดิม คือ 5 ปี นับแต่วันที่มาชำระหนี้บางส่วนและจะสิ้นสุดเมื่อครบกำหนด 5 ปี
–
หนี้เงินกู้
(หนี้ตามสัญญากู้ยืมทั่วไปที่กำหนดชำระเงินต้นคืนทั้งหมดในครั้งเดียว)
มีอายุความ 10 ปี
ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระ
มีอายุความ 5 ปี
นับแต่วันที่อาจฟ้องเรียกเอาดอกเบี้ยได้ ป.พ.พ. มาตรา 193/30 และมาตรา 193/33 (1) หากกรณีที่ลูกหนี้มาชำระหนี้บางส่วน ไม่ว่าจะเป็นเงินต้น ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยผิดนัด หรือเบี้ยปรับ (ถ้ามี) อายุความในการฟ้องคดีย่อมสะดุดหยุดลง และเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใดให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้น คือ ในวันที่ลูกหนี้มาชำระหนี้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 และ มาตรา 193/15 โดยเริ่มนับอายุความใหม่ตามอายุความของมูลหนี้เดิม คือ 10 ปี นับแต่วันที่มาชำระหนี้บางส่วนและจะสิ้นสุด เมื่อครบกำหนด 10 ปี
–
การที่ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14
หนังสือรับสภาพหนี้
คือ หนังสือที่ลูกหนี้ทำให้แก่เจ้าหนี้ รับรองว่าต้นเป็นหนี้อยู่จริง ก่อนที่สิทธิเรียกร้องนั้นจะขาดอายุความ “การทำหนังสือรับสภาพหนี้” มีเหตุผลที่ทำขึ้น คือ เพื่อสงวนสิทธิ์ของฝ่ายเจ้าหนี้มิให้สิทธิเรียกร้องหนี้สินของตนต่อลูกหนี้นั้นต้องขาดอายุความ อีกเหตุผลที่ทำขึ้น คือ เพื่อสงวนสิทธิของฝ่ายเจ้าหนี้มิให้สิทธิเรียกร้องหนี้สินของตนต่อลูกหนี้นั้นต้องขาดอายุความ อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ใช้เป็นหลักฐานที่ทำขึ้นในภายหลังเพื่อป้องกันปัญหาเพราะในขณะที่ทำนิติกรรมนั้น ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ทำหนังสือ หรือ สัญญาใดๆ ไว้เป็นหลักฐานเลย สัญญารับสภาพหนี้อาจทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้กับลูกหนี้ เคยเป็นหนี้กันมาก่อน แต่ไม่มีหลักฐานในการเป็นหนี้กัน ก็มาตกลงทำหนังสือรับสภาพหนี้กันว่า เคยเป็นหนี้กันจำนวนเท่าใด จะชดใช้กันอย่างไร คิดดอกเบี้ยกันหรือไม่ ซึ่งการทำสัญญารับสภาพหนี้นี้จะทำให้หนี้ที่ไม่เคยมีหลักฐานแต่เดิมกลายเป็นหนี้ที่มีหลักฐานฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ซึ่งเป็นประโยชน์กับเจ้าหนี้ อย่างไรก็ดี การรับสภาพหนี้จะต้องเกิดขึ้นภายในอายุความตามหนี้เดิมและเป็นผลให้อายุความสะดุดหยุดลงนับแต่วันที่ทำหนังสือรับสภาพหนี้ และเริ่มนับอายุความใหม่ตามมูลหนี้เดิม
ในการเริ่มนับอายุความนั้น ให้นับจากวันที่ผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย จนถึงวันที่ศาลประทับรับฟ้องคดี ฉนั้น แม้ว่าหนี้ขาดอายุความแล้ว เจ้าหนี้ยังฟ้องลูกหนี้ให้ชำระได้ตลอดเวลา
หนี้บัตรเครดิต
หนี้สินเชื่อเงินสด
ให้การต่อสู้คดี
ติดต่อ
สำนักงานทนายความ
เจตน์สฤษฎิ์ ไชยงค์
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »